ในยุคที่ใครก็ขับ Big Bike กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเด็กวัยรุ่น วัยทำงาน หรือแม้แต่คนที่ขี่ Big Bike ใส่ชุดนักเรียนก็ยังมีให้เห็น แต่สิ่งที่เห็นได้บ่อยไม่แพ้กันก็คือภาพข่าวของอุบัติเหตุที่เกิดการขับขี่รถ Big Bike ไม่ใช่ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นได้กับเฉพาะคนที่เพิ่งหัดขี่ แต่สาเหตุจริงๆ แล้ว มันมีอยู่แค่ไม่กี่อย่าง เช่น ดื่มสุราก่อนขับขี่ เข้าใจอะไรบางอย่างผิดๆ เกี่ยวกับตัวรถ เพราะการขับ Big Bike นั้นแตกต่างจากการขับมอเตอร์ไซค์จ่ายตลาดอย่างสิ้นเชิง และสุดท้ายแค่คิดว่าใจถึงก็ขับได้ จริงอยู่ว่า Big Bike ก็คือมอเตอร์ไซค์สองล้อคันนึง แต่ถ้าคุณไม่ศึกษาวิธีขับให้ดี และเรียนรู้วิธีที่ถูกต้องแล้วล่ะก็ อุบัติเหตุก็เกิดกับคุณได้ง่ายๆ เช่นกัน
สำหรับคนขับ Big Bike คงแบ่งได้เป็น 2-3 กลุ่มใหญ่ๆ สำหรับกลุ่มแรก จะเน้นการใช้งานเช่น ขับไปทำงานเป็นประจำ ใช้เป็นพาหนะประจำแทนที่จะเป็นรถยนต์ กลุ่มที่สอง คือรักในตัวรถจริงๆ มีความรู้ ชอบขี่ออกทริป ชมวิวทิวทัศน์ในยามว่าง และกลุ่มที่สามก็คือ คิดว่าเท่เห็นคนอื่นขี่แล้วอยากขี่ตาม เค้าทำได้เราทำได้ ส่วนใหญ่แล้วอุบัติเหตุที่เห็นๆ กันจะเกิดจากกลุ่มหลังสุด
เพราะนอกจากจะไม่คิดอะไรนอกจากความเท่แล้ว คนกลุ่มนี้มักจะคิดว่า โถ่เอ้ย! เคยขี่รถมีคลัตช์มาแล้วแค่นี้ก็ขี่ได้ ซึ่งผิดตั้งแต่ความคิดแล้ว พอเกิดอุบัติเหตุก็โทษรถ โทษถนน ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว ความผิดพลาดเกิดขึ้นจากตัวผู้ขับขี่ล้วนๆ และถ้าสิ่งที่เราจะพูดถึงสิ่งที่หลายๆ คนคิดผิดมาตลอดทั้งหมด 9 ข้อต่อไปนี้ ถ้ายัง 9 ข้อ นี้อยู่ในหัวของคุณอยู่ล่ะก็ ลองหาข้อมูล และทำความเข้าใจในการขับขี่อย่างถูกวิธีกันดูก่อน หรือไม่เดี๋ยวนี้เวลาซื้อรถเค้าก็มีคอร์สเรียนขับขี่ปลอดภัยให้เริ่มลงเรียนกันก่อนออกรถเลยทีเดียว
1. มีความคิดผิดๆ ที่เชื่อว่าการใส่ชุดเสื้อการ์ดเต็มๆ หมวกกันน็อคราคาหลักหมื่น แล้วเวลาล้มจะปลอดภัยไม่พิกลพิการ
2. เชื่อมั่นในเทคโนโลยีที่ติดมากับตัวรถจนเกินไป เช่น เบรค Brembo สามารถช่วยให้รถคุณหยุดได้ดั่งใจปลอดภัยสุดๆ แถมยังมีระบบกันลื่นกันนู่นนั่นนี่ จะไปกลัวทำไม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ระบบต่างเป็นเพียงตัวช่วยเท่านั้น สติคุณนั่นแหละที่สำคัญที่สุดในเวลาฉุกเฉิน
3. หลายๆ คนคิดว่าการที่รอบเครื่องเดินเบา ๆ ในขณะที่ใส่เกียร์สูงๆ ค้างไว้รอบต่ำๆ จะปลอดภัย
4. เข้าใจว่า Big Bike ทั้งหลายโดยเฉพาะ Sport Bike ทั้งหลาย พอได้เจอทางตรงโล่งๆ มันก็ต้องมีกดลากยาว ชื่นชมเสียงหวานๆ จากท่อกันซักหน่อย แต่พอถึงโค้งมาเร็ว และค่อยไปเบรคในโค้งก็ได้ อันนี้นี่หายนะเลยทีเดียว ในความเป็นจริงแล้วคุณต้องทำทุกอย่างให้เสร็จก่อนเข้าโค้ง เบรค เปลี่ยนเกียร์ ฯลฯ ต้องทำตอนรถตั้งตรงก่อนเข้าโค้งจึงจะปลอดภัยที่สุด
5. กำคลัตช์ ขณะเข้าโค้ง อันนี้ก็เป็นข้องนึงที่อันตรายเช่นกัน โดยเฉพาะมือใหม่จะมีความเข้าใจผิดเรื่องนี้กันเยอะ ว่าการกำคลัตช์เข้าโค้งทำให้ความเร็วลดลงตามไปด้วย แต่ในทางกลับกันถ้าคุณปล่อยครัชในขณะอยู่กลางโค้งแล้วรอบเครื่องยนต์ ความเร็ว เกียร์ ไม่สัมพันธ์กันล่ะก็ อาจจะลงไปกองกับพื้นได้ง่ายๆ
6. ไม่เข้าใจการ เปิด – ปิด คันเร่งที่แท้จริง โดยมักจะเข้าใจว่าเมื่อปิดคันเร่งแล้ว นั่นคือช่วงเวลาที่ปลอดภัย และคิดว่าการเปิดคันเร่งนั้นเป็นช่วงเวลาที่อาจจะเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าคุณควบคุมคันเร่งไม่ได้แล้วล่ะก็ โอกาสที่คุณจะเกิดอุบัติเหตุจากการขี่รถมอเตอร์ไซค์ก็สูงตามไปด้วย
7. เข้าใจว่าเวลาเลี้ยวนั้น เลี้ยวด้วยแฮนด์ เหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆ ไปที่ใช้ขี่ไปจ่ายตลาด แต่ในความเป็นจริงแล้วการเลี้ยวนั้น เลี้ยวด้วย ตัว และหัวไหล่ ซึ่งมันเป็นเรื่องของการเทน้ำหนัก เพราะนอกจากรถที่มีน้ำหนักมาก หน้ายางก็ใหญ่ จะให้หักแฮนด์เลี้ยวคงต้องมีพับกันแน่ๆ
8. ควรทำความเข้าใจใหม่ว่า คุณไม่ได้บังคับทิศทางด้วยมือ เพราะในความเป็นจริงแล้วการบังคับทิศทางด้วย จะเกิดขึ้นจากการโฟกัสของ “ตา” เพราะฉะนั้นคุณจะต้องใช้สายตามองไปที่จุดที่คุณจะมุ่งไปตลอดเวลา
9. กลัวการใช้เบรคหน้า เบรคหลัง และ Engine Break เพราะรถมักจะมีอาการตอบสนองเมื่อต้องเบรคกระทันหัน หรือต้องเบรคหนักๆ ควรรู้จักการใช้เบรคแต่ละแบบให้ถูกต้องกับสถานการณ์ ซึ่งมันจะช่วยให้คุณปลอดภัยได้มากขึ้น ลองคิดภาพว่าถ้าคุณไม่รู้เรื่องไม่รู้เลยว่าจะหยุดรถได้อย่างไร ก็กำเบรคหน้าทีเดียวมิดๆ กะว่าจะได้อยู่ รับรองได้กลิ้งกันยาว
9 ข้อที่ควรลองทำความเข้าใจให้ดีก่อนที่จะขับขี่จริงบนท้องถนน เรื่องของความปลอดภัยมันไม่ได้อยู่ที่ใจอย่างเดียว รถแรงแค่ไหน คุณจะบิด 200 อย่างที่ใจคุณเรียกร้องก็ได้ภายในไม่กี่วิ แต่ตอนเบรคล่ะรถมันสามารถเบรคอยู่ได้อย่างที่คุณคิดรึเปล่า? เพราะฉะนั้นอย่างมองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นพื้นฐานของความปลอดภัยในการขับขี่นะครับ