ปัจจุบันในอุตสาหกรรมแฟชั่นหากผู้ใดที่ยังวิ่งอยู่กับที่ ไม่พยายามสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะล้มเหลวได้อย่างเร็ว และเมื่อคุณเริ่มประสบความสำเร็จแล้ว สิ่งที่ยากกว่าคือการต้องรักษามาตราฐานให้ยังคงเป็นที่ยอมรับ เพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณเริ่มจะถอยหลัง ก็มีคนที่พร้อมจะขึ้นมาแทนที่คุณทันที ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2015 เราขอยกเรื่องราวของรองเท้ารุ่นหนึ่ง ที่ออกมาสร้างกระแสให้ตลาด Sneakers กลับมาคึกคัก รวมถึงปลุกกระแส Street Fashion ให้กลับมาเป็น Mainstrem โดยชอบธรรมอีกครั้ง
รองเท้ารุ่นที่ว่านั่นคือ Adidas No Mad หรือ NMD ที่หลายคนอาจจะคุ้นหู จุดกำเนิดของรองเท้า NMD เป็นรองเท้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรองเท้า 3 รุ่นในยุค 80s อันได้แก่ Adidas Micropacer, Adidas Rising Star และ Adidas Boston Super ที่ได้นำกลับมาทำใหม่ พร้อมใส่เทคโนโลยีล่าสุดของพวกเขาอันได้แก่ Primeknit หรือนวัตกรรมผ้าถัก ที่จะถักด้ายหลอมเป็นเนื้อเดียวกันช่วยปรับระดับความยืดหยุ่นแบบ 3D Texture ให้ความรู้สึกกระชับเหมือนใส่ถุงเท้า ( Feel like Sock ) และอีกนวัตกรรมพื้น Boost โฟมอัดแน่น สามารถช่วยกระจายแรงกระแทกและเซฟพลังในการวิ่งทุกย่างก้าว
Adidas Micropacer
Adidas Rising Star
Adidas Boston Super
ทำให้รองเท้ารุ่น NMD จัดอยู่ในประเภท Lifestyle Sneaker ที่สามารถนำไปใส่ออกกำลังกาย รวมถึงใส่ในชีวิตประจำวันได้อย่างสบาย ซึ่งรองเท้า NMD ได้ดีไซเนอร์คนเดียวกันกับที่ออกแบบรองเท้า Adidas Yeezy ,Tubular และ Qasa เป็นผู้ออกแบบนั้นคือ Nic Galway , Adidas Originals Vice President of Global Design ที่ตัวเขาได้กล่าวว่า NMD คือส่วนผสมของ อดีต และอนาคตจนเกิดเป็นคอนเซ็ป “Your Future is Not Mine” โดยเขาต้องการให้รองเท้า NMD เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่แสนเร่งรีบในปัจจุบัน มนุษย์ต้องเดินทางกันอยู่ตลอดเวลา รองเท้าที่สวมใส่ คุณต้องสามารถใส่ไปที่ไหนก็ได้ด้วยดีไซน์สวยงาม และที่สำคัญผู้ใส่ต้องรู้สึกสบายเวลาที่ใส่รองเท้าอยู่
Adidas NMD OG
Nic Galaway ผู้ออกแบบ Adidas NMD
ด้วยการตลาดที่ยอดเยี่ยม และความได้เปรียบในปัจจุบัน Adidas มีเหล่า High-Profile Influencer อยู่ในมือหลายคนไม่ว่าจะเป็น Kanye West , Pharrell Williams , David Beckham ซึ่งพวกเขาเหล่านี้เป็นแหล่งช่องทาง PR ที่ทรงพลังกว่าการทำโฆษณาหรือ Marketing เป็นไหนๆ รวมถึงดีไซน์รองเท้าที่ถูกใจมหาชน ยิ่งทำให้รองเท้ารุ่น No Mad ประสบความสำเร็จ และกลายเป็นกระแสในเพียงชั่วข้ามคืน เพราะนอกจากความสวยงามแปลกตาของรองเท้า สิ่งที่ครองใจสาธารณชนก็คือความรู้สึกที่เบาสบายของตัวรองเท้า
ด้วยการตอบรับที่เกินความคาดหมายทำให้ Adidas รู้สึกว่าต้องการให้ทุกคนได้มีสิทธิ์เป็นเจ้าของรองเท้ารุ่น NMD เพราะกลยุทธ์ในตอนแรกที่ทำออกมาจำนวนน้อยให้ดูเป็น Rare Item นั้นประสบความสำเร็จทั้งในรุ่น NMD R1 OG และ NMD R1 ของ Deadstock และมีการแย่งชิงกันเป็นจำนวนมาก แต่สุดท้ายปัญหาคือทุกคนไม่ได้มีสิทธิ์เป็นครอบครอง จะมีเพียงพ่อค้า Resell เท่านั้นที่ได้กำไรจากกลยุทธ์นี้ Adidas เลยตัดสินใจออกแบบ NMD รุ่นที่มีราคาย่อมเยาว์ลงมา และมีจำนวน Stock ที่มากกว่าเดิมถึง 4 เท่าโดยมีการเปลี่ยนวัสดุจาก Primeknit มาเป็น Mesh ตาข่าย รวมถึงหนังกลับ ออกมาหลายสิบรุ่น เพื่อครอบคลุมทั้งผู้หญิงผู้ชาย ทุกคนจะได้มีสิทธิ์เป็นเจ้าของรองเท้า NMD เหมือนกันหมด
NMD R1 ( รุ่นซอมบี้ห้างแตก )
NMD รุ่นธรรมดาที่มีราคาถูกกว่า
พอเวลาผ่านไปรองเท้า NMD ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความมีสไตล์ที่ทุกคนต้องมีติดตู้รองเท้าไว้อย่างน้อยหนึ่งคู่เพื่อบ่งบอกว่าคุณก็ไม่ได้ตกเทรนด์ เพราะว่าไม่ว่าจะออกมากี่รุ่นกี่สี ก็ไม่เคยเพียงพอกับความต้องการของตลาด
แต่สิ่งที่ Adidas ยังคงทำอยู่อย่างต่อเนื่อง และรักษา Performance ได้เป็นอย่างดี นั้นคือการไม่หยุดที่จะพัฒนารองเท้าของตัวเอง ด้วยการดีไซน์ Pattern ใหม่ๆ ล้ำยุค ดังคำโฆษณาของพวกเขา อย่างเช่น NMD City Sock รองเท้าดีไซน์ถุงเท้าแบบไร้เชือก , NMD Chukka การนำดีไซน์รองเท้าแบบ Dress Shoes มาไว้ในรองเท้า Sportstyle รวมถึงการไป Collab กับร้านค้ามากมายแบบ Limited Pairs ที่ปัจจุบันเป็นเวลากว่าขวบปีแล้วที่ NMD ครองหน้าพื้นที่ Social Media และเป็นรองเท้าอันดับ 1 ที่ทุกคนต้องการมีมากที่สุด
NMD CS1 City Sock
NMD C1 Chukka
NMD X Nicekicks
NMD Hu Pharrell
แม้ว่าจะมีการออกวางขายเป็นประจำทุกเดือน รวมถึง Restock บ้างเป็นครั้ง แต่ทุกครั้งก็จะหมดลงทันทีที่วางขาย และยิ่งรุ่นที่เป็น Primeknit หรือมี Story ราคา Resell ก็จะพรุ่งไปมากกว่า 10 เท่า จนทำให้ NMD คือรองเท้าแห่ง พ.ศ. นี้อย่างแท้จริง
และล่าสุดก็ถึงเวลาที่ Adidas จะพัฒนาต่อยอดความสำเร็จของตัวเองด้วยการทำซีรีย์ NMD ใหม่ออกมาคือ NMD XR1 ที่เป็นการนำไอเดียเดิมมาอัพเกรดให้มีความแตกต่างมากขึ้น จุดเปลี่ยนที่เห็นได้ชัดจาก NMD XR1 กับ NMD R1 คือการเพิ่ม Cage เข้ามาที่บริเวณ Upper และบริเวณปลั๊กหน้าที่มักมีปัญหาถลอกด้วยการทำให้เล็กลง และป้ายรองเท้าที่ส้นเท้าก็จะใช้เป็นหนังกลับเพื่อเพิ่ม Texture แทนวัสดุหนังเทียม ซึ่ง NMD XR1 จะออกวางจำหน่ายพร้อมกันถึง 19 รุ่น ในวันที่ 18 สิงหาคมนี้
และ 19 รุ่นนี้คงไม่ใช่รุ่นสุดท้ายที่ Adidas จะทำในโมเดล NMD อีกแน่ เพราะตอนนี้กราฟของ Adidas กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นที่ต้องเก็บ Story ไม่แน่อีก 10 ปี NMD อาจจะกลายเป็นเหมือน Air Jordan ที่สามารถนำกลับมา Restock ได้อีกเรื่อยๆ แต่ที่สำคัญคือต้องรักษามาตราฐานปัจจุบันไว้ และทำให้ความขลัง และพิเศษของตัวรองเท้านี้ยังคงอยู่ตลอดไป