ในช่วงที่ Social Network ยังไม่บูมเหมือนปัจจุบัน กลับมีผู้หญิงคนหนึ่งโด่งดังขึ้นมาจากการร้องเพลง cover และก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเพื่อทำความฝันในวัยเด็กอย่างการเป็นนักร้องได้สำเร็จ และเมื่อทำความฝันสำเร็จก็ยังกล้าเผชิญหน้ากับบทบาทใหม่ที่หลงใหลไม่แพ้กัน นี่คือเรื่องราวของ แป้งโกะ – จินตนัดดา ลัมะกานนท์ หญิงสาวตัวเล็กที่พิชิตความฝัน กล้าก้าวออกจากกรอบความคิดเดิม ๆ ต่อให้กรอบนั้นคือเส้นชัยความฝันครั้งหนึ่งของตัวเองแป้งโกะเริ่มต้นก้าวตามความฝันวัยเด็กจนสุดท้ายก็สามารถทำให้เป็นจริงได้ สิ่งนี้ทำให้เรารู้สึกภูมิใจกับตัวเองไหม
“แรกเริ่มเลยแป้งอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่อนุบาล แต่เรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ๆ ก็เกิดกลัวการขึ้นเวทีซะงั้น อะไรหลายอย่างทำให้เราคิดว่าคงเป็นนักร้องอย่างที่ฝันไม่ได้แน่ ๆ เพราะถ้าเป็นนักร้องจะต้องโดนสัมภาษณ์ ต้องมีคนมาขอถ่ายรูป กลัวค่ะ แต่สุดท้ายเราก็ก้าวข้ามความกังวลตรงนั้นมาได้และมีเพลงเป็นของตัวเอง ก็เลยภูมิใจค่ะที่เราสามารถทำความฝันในวัยเด็กสำเร็จแล้ว”
จากจุดเริ่มต้นที่เราไล่ตามความฝันมา เริ่มด้วยการเป็นเน็ตไอดอล ร้องเพลง cover แสดงเป็นนางเอกเอ็มวี จนวันนี้กลายเป็นนักร้อง-นักแสดงจริง ๆ เราคิดว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้างไหม?
“เปลี่ยนไปเยอะมากค่ะ เมื่อก่อนสังคมที่เราอยู่มันก็จะเล็ก ๆ ทุกคนในคณะที่เราเรียนก็จะติสต์มาก ไม่เอาอะไรที่เป็นงานแมส ถ้าแมสก็จะไม่อยากทำเลย ตัวแป้งในตอนนั้นก็ไม่ชอบฟังเพลงป๊อบเท่าไหร่ เวลาเข้าวงการใหม่ ๆ โดนสัมภาษณ์ก็ถามคำตอบคำ แป้งเคยโดนถามว่ามาร้องเพลงเพราะอะไร ก็ตอบไปซื่อ ๆ ว่า อ๋อ เพราะชอบร้องเพลงค่ะ พอย้อนกลับไปมองตัวเองก็ต้องขำทุกที”
เหมือนกับว่าเราไม่แคร์โลก ?
“ใช่ค่ะ ตอนนั้นคิดแค่ว่าก็ตอบคำถามแล้วไง แต่ทางค่ายก็มาคุยว่าตอบคำถามแบบนี้ไม่ได้นะ คนเราต้องมีมนุษยสัมพันธ์ ต้องหัดพูด เมื่อก่อนเราไม่เอาอะไรเลยอยากแค่ร้องเพลงอย่างเดียว หนังหรือละครเราก็ไม่อยากเล่น ไม่อยากทำอะไรที่มันไม่ใช่ตัวเอง อยากแค่ทำเพลงอย่างเดียวจริง ๆ”
แล้วจุดเปลี่ยนของแป้งโกะคนไม่แคร์โลกมาเป็นแป้งโกะที่โตขึ้นมันเริ่มมาจากตรงไหน ?
“เริ่มจากเพราะได้ทำเพลงอย่างเดียวอย่างที่ใจหวังค่ะ พอเราได้ทำเพลงอย่างเดียวมันก็เหมือนมีกรอบอะไรบางอย่างมันล็อกเราไว้ อารมณ์หรือคำที่ใช้แต่งเพลงมันก็เป็นคำเดิม ๆ เพราะเราอยู่กับสิ่งเดียวมาตลอด เลยคิดว่าหรือแรงบันดาลใจมันถูกจำกัดอยู่ในกรอบ ความชอบของเรา กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัดสินใจว่าจะลองอะไรใหม่ ๆ ดูบ้าง”
รู้สึกกลัวบ้างไหมกับการต้องเริ่มอะไรใหม่ ๆ ที่ทำให้เราต้องก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนของตัวเอง
“ตอนแรกกลัวค่ะ อย่างตอนรับละครเรื่องแรกกังวล แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไรหรอกถ้ามันแย่ จบเรื่องนี้เราก็ไม่ต้องเล่นอีกก็แค่นั้น แต่สิ่งที่ได้มันไม่แย่เลยค่ะ การกล้าที่จะก้าวออกมาเจออะไรใหม่ ๆ มันกลับช่วยเราเรื่องเพลงได้ เพราะตัวแป้งเป็นคนที่แสดงอารมณ์น้อยมากเสียใจได้พักเดียวก็ไปหาอะไรทำแล้ว แต่พอเราได้เล่นละครก็จะเรียนรู้เกี่ยวกับอารมณ์มากขึ้น เข้าใจว่าทำไมคนนั้นถึงคิดแบบนี้ ทำไมคนนี้ถึงโกรธจนต้องไปชนคนอื่น หรืออะไรบ้างที่ทำให้คนดีใจจนน้ำตาไหล”
“แป้งรู้สึกว่ามันไม่แย่ที่จะไปลองเจอกับอะไรใหม่ ๆ เพราะถ้าไม่ชอบเราก็แค่เลิกทำมัน แต่สุดท้ายเกิดเราชอบหรือทำได้ดีก็จะทำให้เราค้นพบตัวเองในอีกมุมที่ไม่เคยเจอมาก่อน”
แน่นอนว่าการเป็นคนดังจะต้องมีสักครั้งที่เจอกับเรื่องบั่นทอนจิตใจอย่างเช่นคอมเมนต์แย่ ๆ คิดอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง ?
“แป้งมีคอมเมนต์แย่ ๆ เพียบเลยค่ะ ตอนก่อนเข้าวงการแป้งเคยเขียนบล็อก แล้วมีคนเอารูปเราไปลงในเว็บบอร์ดโดยที่แป้งไม่รู้แล้วก็มีคนเข้าไปด่า แต่แปลกตรงที่เขาไม่ด่าคนลงแต่กลับด่าแป้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แป้งตอนเด็ก ๆ ก็สู้นะ สมัคร account แล้วเข้าไปถามว่าด่าเราทำไม แต่สุดท้ายก็รู้ว่าพูดไปเขาก็ไม่ฟัง เขาพิมพ์ด่าเสร็จแล้วคงไม่กลับมาดู ก็เลยปล่อย ๆ ไป
“การคอมเมนต์ด้วยถ้อยคำแย่ ๆ มันทำง่าย ใครอยากเขียนอะไรแย่แค่ไหนก็เขียนได้เลย แป้งคิดว่าถ้าสักวันหนึ่งเขาโตขึ้น หรือบางทีเขาอาจจะโตแล้ว และถ้าเขามองย้อนกลับมาก็จะเห็นว่าสิ่งที่ตัวเองเคยทำมันไม่โอเค”
แล้วถ้าไม่ใช่คอมเมนต์แย่ ๆ แต่เป็นการดูถูกความสามารถของเราล่ะ เคยเจอบ้างไหม ?
“ตอนทำเพลง cover ก็เคยมีคนสงสัยค่ะว่าเราจูนเสียงหรือเปล่า บางครั้งก็หงุดหงิดนะ แต่เราก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเราร้องเพลงได้จริงหรือเปล่า และสุดท้ายมันเป็นโชคดีของเราที่ได้เป็นศิลปินจริง ๆ เรามีเวทีไปร้องเพลงให้คนฟังทำให้เขารู้ว่าเราไม่ได้จูนเสียง ไม่ได้ลิปซิง การออกงานมันก็เหมือนเป็นการพิสูจน์ตัวเองไปในตัวค่ะ และแป้งก็มั่นใจว่าเราจะไม่เอาตัวเองไปทำให้ขายหน้า”
เมื่อเติมเต็มความฝันวัยเด็กอย่างการเป็นนักร้องได้แล้ว ปัจจุบันแป้งโกะทำอะไรอยู่บ้าง ?
“ตอนนี้เป็นช่วงยุ่งที่สุดในชีวิตตั้งแต่เคยเกิดมาเลย แป้งมีละครที่เพิ่งปิดกล้องไป ช่วยร้านอาหารที่บ้านในส่วนของโพสต์ออนไลน์ ส่วนงานเพลงก็มีเป็น Cover Project ของค่าย What the duck แถมล่าสุดแป้งก็เพิ่งเปิดบริษัทที่ทำเกี่ยวกับออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง-เอเจนซี่ แล้วก็ทำด้านกราฟิกค่ะ”
เมื่อเราได้ฟังสิ่งที่แป้งโกะกำลังทำอยู่ตอนนี้ก็ยิ่งเพิ่มความสงสัยว่าทำไมถึงเลือกที่จะทำทุกอย่างพร้อมกันหมดในตอนนี้ และคำตอบที่ได้ก็ทำให้เรารู้ว่าเธอมีอะไรน่าสนใจกว่าแป้งโกะคนที่เราเคยรู้จักจากการดูโทรทัศน์หรือรู้จักผ่านผลงานเพลงของเธอ
“มันเป็นช่วงเวลาที่ลงตัวค่ะ เพราะเพลงกับละครก็ทำเป็นปกติอยู่แล้ว ช่วงไหนที่ละครเยอะก็จะทำเพลงน้อยลง แต่ถ้าช่วงไหนละครน้อยเราก็จะมีเวลามาทำเพลง แป้งมองว่าอายุของเราตอนนี้ต้องการความมั่นคงในหน้าที่การงานมากกว่าเดิม รู้สึกว่าต้องมีอะไรสักอย่างมารองรับเราไว้ เพื่อที่ว่าวันหนึ่งเราเกิดอยากทำเพลงอินดี้มาก ๆ เป็นเพลงที่ทำออกมาแล้วไม่มีคนฟัง ขายไม่ได้แน่ ๆ แต่เราโอเคกับมัน เราก็สามารถทำมันได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร”
จากประโยคบอกเล่าของแป้งโกะแสดงให้เห็นว่าทุกสิ่งในชีวิตของเธอมีการวางแผนไว้หมดแล้ว เพราะการตามใจโดยไม่กระทบการใช้ชีวิตด้านอื่น ๆ เป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่พอจะทำจริงมันไม่ได้ง่ายแบบนั้น
ระหว่างที่เราได้พูดคุยกับแป้งโกะ บรรยากาศสบาย ๆ ของคาเฟ่เริ่มส่งให้บทสนทนาลื่นไหลมากยิ่งขึ้น เราถามถึงสิ่งที่เธอกำลังทำในตอนนี้ไปแล้ว ความรู้สึกจากการทำงานหนักที่ตามมาล่ะ แป้งโกะรู้สึกเหนื่อยบ้างมั้ย ?
“บางครั้งก็ท้อค่ะ เคยคิดว่าไม่อยากทำแล้วพรุ่งนี้จะลาออกจากทุกอย่าง แต่ว่าแป้งเป็นคนมองโลกในแง่ดีระดับหนึ่งและมีวิธีแก้ปัญหาในแบบตัวเอง เวลาเครียดก็บ่นกับเพื่อน บ่นในเฟซบุ๊ก บ่นตรง ๆ เลยว่าเหนื่อยมาก อยากนอน พอบ่นเสร็จแล้วก็นอนจริง ๆ ค่ะ พอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่ามันเป็นวันใหม่แล้วเราพร้อมกับวันใหม่ มีพลังไปทำอย่างอื่นต่อได้”
โหมงานหนักขนาดนี้มีเวลาได้พักบ้างไหม ?
“มันจะมีบางช่วงที่ไม่คิดเรื่องงานเลย แต่ช่วงหลังมานี้เวลาไปเที่ยวก็ต้องพกงานไปทำด้วย ล่าสุดไปเล่นสโนว์บอร์ดเราก็ต้องทำงานที่โรงแรมทุกวัน บางทีก็เคยถามตัวเองค่ะ ทำแบบนี้ทำไม เรามาเที่ยวนะ แต่จริง ๆ มันก็ไม่ได้แย่ เพราะถ้าเป็นวันที่เราไม่ได้ไปเที่ยวก็ต้องเข้าไปทำงานในออฟฟิศ อีกพักนึงค่ายก็โทรตามแล้ว แถมกองละครก็ส่งลิสต์มาว่าพรุ่งนี้จะถ่ายอะไร เราก็ต้องทำการบ้านโดยการนั่งอ่านบท แต่ถ้าไปเที่ยวเราจะแบ่งเวลาทำงานสัก 2 ชั่วโมง เสร็จแล้วก็ไปเล่นได้ตามใจ ถือว่าผ่อนคลายกว่าชีวิตในวันปกติ”
ทุกอย่างที่ทำในตอนนี้ แป้งโกะกล้าพูดไหมว่ามันเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบทั้งหมด ?
“แน่นอนว่าเราไม่สามารถชอบทุกอย่างที่ทำอยู่ได้ มันต้องมีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่า ‘ต้องทำ’ ไม่ว่าจะเพื่อเงินหรือเพื่ออะไรก็ตาม แป้งก็ทำได้นะคะ แต่มันกลับไม่ทำให้รู้สึกว่าเราอยากตื่นขึ้นเพื่อไปทำสิ่งนี้ แต่มันก็จะมีบางงานที่เป็น passion ให้แป้งอยากรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำค่ะ”
พอโตขึ้นแป้งก็ได้รู้ว่าความรู้สึกที่เราอยากตื่นมาทำอะไรบางอย่างมันเกี่ยวข้องกับเรื่องของความรับผิดชอบที่มากขึ้นด้วย
เพราะก่อนหน้านี้เรารู้จักแป้งโกะในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่ถ่ายรูปสวยมาก เธอมักท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่าง ๆ และเก็บมุมมองความทรงจำมาแบ่งปันในอินสตาแกรมเสมอ จึงทำให้เรารู้ว่า “การท่องเที่ยว” มีความหมายมากกว่าการพักผ่อน และเมื่อเราได้ถามถึงเรื่องนี้ เธอก็เล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวของเธอด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข
“แป้งชอบเวลาได้นั่งค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ชอบตัวเองตอนนั่งวางแผนว่าจะไปทำอะไรบ้าง แค่นั่งเสิร์ชหาโรงแรมก็สนุกแล้วค่ะ ความรู้สึกตอนได้เตรียมทริปมันเป็นอะไรที่พิเศษ และความรู้สึกเมื่อเราไปถึงสถานที่ที่เราวางแผนไว้นานแล้วก็จะทำให้แป้งมีความสุข โดยเฉพาะกับทริปเดินเขาเพราะเราจะได้อยู่กับตัวเอง อยู่กับธรรมชาติที่ในชีวิตปกติเราแทบจะไม่ได้สัมผัส”
แล้วถ้าตัดภาระหน้าที่ทุกอย่างทิ้งไป สิ่งที่อยากทำคืออะไร
มันต้องมีสักวันหนึ่งเราได้ไปเที่ยวรอบโลกโดยไม่ต้องแคร์อะไร ไม่ต้องกังวลเรื่องงาน ให้รางวัลชีวิตกับตัวเอง เพราะการไปยังสถานที่ใหม่ ๆ ก็เหมือนกับการได้เจอตัวเองในแบบใหม่
ถ้าจะให้บอกอะไรกับคนที่กำลังเริ่มต้นทำอะไรบางอย่างแป้งโกะจะบอกว่าอะไร ? เพราะในบางครั้งการเริ่มต้นทำบางสิ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“แป้งเคยอยู่ในเซฟโซนของตัวเอง แล้วก็บอกกับตัวเองว่าเราชอบสิ่งนี้ เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ และเราก็จะไม่เปลี่ยน แต่เมื่อแป้งโตขึ้นได้เห็นอะไรมากขึ้นก็คิดว่าการเปิดใจไม่ใช่เรื่องแย่ เมื่อเราทำสิ่งเดียวไปเรื่อย ๆ มันก็จริงที่เราอาจจะเก่งขึ้น แต่ถ้าเรากล้าก้าวไปทำอะไรใหม่ ๆ ที่ท้าทาย ได้รู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร เราก็จะพบสิ่งที่ถนัดได้จากการทำอะไรหลายอย่างเหล่านี้ บางคนอาจไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นค้นหาตัวเองอย่างไรดี ก็อยากให้ลองเรื่อย ๆ ค่ะ เพราะสุดท้ายก็มีแค่ตัวเราเองที่จะตอบคำถามว่าเราชอบอะไรที่สุด เดี๋ยวนี้สังคมเปิดโอกาสให้ทุกคนมากขึ้น เราสามารถเรียนรู้จากสื่อออนไลน์และแชร์ความสามารถของเราในโลกของโซเชียล มีโอกาสเสมอค่ะ”
“คนเราเมื่อมีโอกาสได้ทำอะไรก็ควรลองทำดูก่อน เพราะเราอาจจะค้นพบตัวตนหรือความชอบของอีกด้านของตัวเองจากการได้ทำสิ่งที่ไม่คาดคิด”
สุดท้ายนี้คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง ?
“ความสำเร็จในมุมมองของแป้งคือความกล้า ความกล้าที่จะเอาชนะบางอย่างในตัวเอง กล้าที่จะก้าวออกมาจากคอมฟอร์ตโซน เพราะการเอาชนะความกลัวของตัวเองคือสิ่งที่ยากที่สุด เลยทำให้แป้งก็คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้วค่ะ”
เมื่อได้ซึมซับเรื่องราวทั้งหมดของแป้งโกะ เราก็ไม่ลืมที่จะให้เธอทิ้งท้ายเกี่ยวกับผลงานเพลงที่เธอรัก
“ตอนนี้แป้งทำ Cover Project ค่ะ เป็นสิ่งที่อยากทำมานานมากแล้ว เพราะจุดเริ่มต้นที่คนรู้จักเราก็เริ่มมากจากการ cover ตอนแป้งนำเพลงคนอื่นมาร้อง เจ้าของเพลงเขาก็ชมว่าเราสามารถทำให้เพลงของเขามีความเพราะในแบบแป้งโกะได้ มันเปลี่ยนเป็นอีกมุมเลย เพราะทั้งหมดนี้ก็เลยทำให้แป้งคุยกับทางค่าย What The Duck ว่าขอทำเพลง cover นะ แล้วก็ขอเลือกเพลงเองด้วย เอาแต่ใจค่ะแต่เพราะอยากทำมากจริง ๆ”
ล่าสุดคือเพลงอะไร ?
“เพลงคำอธิบายของ Ewery ค่ะ เป็นอีกหนี่งเพลงที่แป้งฟังแล้วชอบมาก และคิดว่าถ้ามีโอกาสอยากจะหยิบเพลงนี้มาถ่ายทอดในแบบของเรา เพื่อบอกเล่าความเป็นตัวเองผ่านเพลง เพราะคนแต่งเพลงจะคิดถึงแฟนเก่า แฟนปัจจุบันหรืออะไรก็ตามแต่ เรื่องราวของคนแต่งจะอยู่ในเพลง แต่คนฟังก็จะมีเรื่องของตัวเองเหมือนกัน ถึงแม้เหตุการณ์ที่เจอมาอาจไม่เหมือนกับใน MV แต่เมื่อทุกคนได้ฟังก็จะตีความให้มันเข้ากับชีวิตของตัวเอง ก็เลยอยากถ่ายถอดความรู้สึกของแป้งเข้าไปในเพลงด้วยเหมือนกัน”
เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดของผู้หญิงที่ชื่อว่าแป้งโกะทำให้เราพบว่าเธอมีอะไรบางอย่างซ่อนเอาไว้มากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด เรื่องราวที่น่าสนใจ หรือมุมมองบาลานซ์ระหว่างความฝันและความจริง เพราะคนเราไม่จำเป็นจะต้องมีแค่ความฝันได้เพียงฝันเดียวหรือมุ่งวิ่งชนแต่ความชอบเสมอไป แป้งโกะทำให้เราได้รู้ว่าการไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้อาจไม่ใช่ปลายทางของชีวิต แต่การทลายกำแพงความชอบและความสำเร็จ คือการสร้างจุดหมายใหม่ต่อไปได้เรื่อย ๆ แบบไม่รู้จบ