Fast Food คือคำเรียกอาหารจานด่วน หรืออาหารขยะสำหรับฝรั่งที่มันไม่ให้โภชนการอะไรเลย นอกจากความอิ่ม และอร่อย ซึ่งเราก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบทานมันมากแต่ติดอยู่เรื่องเดียว คือมันโคตรจะทำให้เราอ้วนเลย แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาหากนานเราจะกินมันที
แต่นั่นก็เป็นเพียงการเกริ่นนำเรื่องที่เราอยากจะพูด การแข่งขันในตลาด Fast Food หลายคนอาจจะมอง KFC กับ McDonald เป็นคู่แข่งกัน แต่ความจริงสองฝ่ายนี้ไม่ใช่คู่แข่งกันโดยตรงเพราะ Product หลักของทั้งแบรนด์ก็คนละอย่างกันแล้ว หากมองให้ลึกคู่แข่งของ KFC ถือว่าน้อยมาก แต่หากมองไปที่ McDonald’s ต้องบอกล้วนหลายรอบไปด้วยหมุ่ เสือ สิงห์มากมาย
จริงๆ แล้ววงการ Burger บ้านเรากับเมืองนอกมีวัฒนธรรมที่ค่อนข้างต่างกัน เวลาเราพูดถึง Burger ในไทยก็จะคิดถึงแต่ Mc แต่สำหรับต่างประเทศแล้วเขามีทั้งร้าน Homemade หากจะพูดว่าสงครามระหว่าง Burger King กับ MC ก็ไม่ต่างจาก Pepsi กับ Coca-Cola
สงครามระหว่างสองแบรนด์นี้มีมากกว่า 60 ปี โดย Mc เริ่มในปี 1955 เมนูชูโรงของเขาก็คือ Big Mc และ Burger King ในปี 1953 ซึ่งมาก่อนสองปี ก็มีเมนูอย่าง Whopper ที่เป็นหัวหอกสำคัญ แต่สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทั้งคู่เหมือนยิ่งแข่งก็ยิ่งห่างกันก็คือ การตลาดของทั้งสองฝ่าย
McDonald’s จะให้คำสำคัญกับรสชาติที่ถูกปาก และปรับตัวตลอดเวลา เพราะเมื่อเขาเข้าไปยังประเทศไหนเขาก็จะปรับเปลี่ยนเทสเพื่อให้เข้ากับคนชาตินั้นๆ อย่างเช่นประเทศไทย ก็เคยมี Burger ข้าวเหนียวหมู หรือข้าวลาบ แต่ความอร่อยมันก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกหละ เพราะภาพลักษณ์ของทั้งสองแบรนด์ก็ต่างกัน
Mc จะมีกลุ่มลูกค้าที่ค่อนข้างเด็กจนถึงวัยรุ่น เพราะเขามีชุดของเล่นๆ รวมถึงถ้าใครยังทันในสมัยใน Mc บางสาขามีเครื่องเล่นให้เด็กเล็กอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจหากผู้ใหญ่จะจูงลูกหลานไปร้าน McDonald’s มากกว่า
แต่กับ Burger King เขาทำแบรนด์ให้ออกมาสมชื่อจริงๆ เพราะเขาให้ความสำคัญกับเบอร์เกอร์ทีเด็ดของตัวเนื้อ หรือวัตถุดิบมากกว่าเรื่องรอบตัวอย่างของเล่น หรืออะไรที่ไม่สำคัญ เราจะไม่ได้เห็นในร้าน Burger King และเหมือนเขาเลือกจะเจาะกลุ่มคนที่โตกว่าเพราะมีราคาแพงกว่า Mc แต่ผู้ใหญ่ที่ไหนจะมานั่งกิน Fast Food หละ
จึงไม่น่าแปลกใจว่า Big Mac ของ Mc จะสามารถทำเงินได้ปีละไม่ต้ำกว่า 550 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่กับ Whopper สามารถทำเงินได้ปีละ 2.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่างกันมากเลยที่เดียว และนั้นก็เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า Mcdonald’s คือ ราชาตัวจริงของวงการเบอร์เกอร์ทั่วโลก เพราะสาขาของ McDonald’s นั้นมีมากกว่า 36,000 สาขา ใน 120 ประเทศทั่วโลกมีลูกค้าต่อปี อยู่ที่ 69 ล้านคนเทียบเท่ากับประเทศไทยประเทศหนึ่ง
แต่เราก็ไม่อยากจะตัดสินว่าใครดีกว่าใครเพราะว่ามันขึ้นอยู่กว่าความชอบส่วนบุคคลแต่เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ Mc ชนะขาด Burger King ก็ด้วย 5 ปัจจัยนี้
- ภาพลักษณ์ของแบรนด์ก็อย่างที่เราเกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่า Mc มีภาพลักษณ์แบรนด์ที่เป็นมิตรมากกว่าของ Burger Kings คือเราจะรู้สึกสบายใจเมื่อเดินเข้าร้าน Mc มากกว่า Burger Kings
- Mc สร้างทางเลือก เนื่องจาก Burger Kings คือธุรกิจในเครือ Wendy Company ที่มีทั้ง Starbuck และ Subway แต่กับ McDonald’s ที่เป็นแบรนด์เพียวเขาจึงสามารถใส่ Mc Cafe และอื่นๆ ลงไปในร้านของเขาได้
- นัก Copy ชั้นเยี่ยม สิ่งที่ Mc ทำได้ดีอีกอย่างคือการ Copy Product จากแบรนด์อื่นโดยไม่ทำให้ รสผิดเพี้ยน อย่างเช่น Mcflurry ที่หน้าตาเหมือน Blizarrd ของ Daily Queen ที่สำคัญรสชาติไม่ต่างกันเลย ซึ่งผิดกับ Burger Kings ที่ไม่มีตรงจุดนี้
- Mc เลือกที่จะพูดคุยกับเด็ก โดยการใช้ชุด Happy Meal มาล่อ ซึ่งหากใครไม่รู้ Happy Meal คือชุดของเล่นเด็กที่ขายดีที่สุดทั่วโลกในแต่ละปี
- Mc จะเป็นคนแรกเสมอ หากมองย้อนไปยังประวัติศาสตร์ Mc จะเป็นเจ้าแรกเสมอที่เข้าไปเริ่มทำธุรกิจไม่ว่าที่นั้นจะเป็นยังไง
และนี้ก็เป็นเรื่องราวของทั้งสองแบรนด์เบอร์เกอร์ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดระยะเวลา 60 ปี ซึ่งนับวันก็เหมือนว่า Burger Kings จะโดนทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ ซึ่งเราก็หวังว่า Content นี้จะมีประโยชน์สำหรับชาว UNLOCKMEN ที่ชื่นชอบทั้งเรื่องธุรกิจแล้วก็เรื่องของอาหาร Fast Food