Quantcast
Channel: Unlockmen
Viewing all articles
Browse latest Browse all 7776

ไม่ทำอะไรก็เหนื่อย! TATT (TIRE ALL THE TIME) โรคดูดพลังที่ไม่ได้เกิดจากความขี้เกียจ

$
0
0

“ความเหนื่อยแม่งเหมือนผี มึงไม่โดนของเข้าสักครั้งก็คงไม่รู้”

ช่วงนี้คนบ่น “เหนื่อย” กันเยอะ และวลี “I hate Monday.” กับ “ Thanks god. It’s Friday” ก็มีให้เห็นบนหน้าสเตตัสบ่อย  ๆ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเรามักจะเจอเพื่อนบางคนที่น้ำเสียงเนือย ๆ พูดกับเราแม้จะเป็นคืนศุกร์ที่สังสรรค์กัน เติมทั้งเบียร์ เชียร์ทั้งสาว ๆ ให้แล้วก็ยังคอตก แล้วก็พูดว่า “กูเหนื่อยว่ะมึง”

แต่พอถามว่าเหนื่อยอะไร ช่วงนี้ทำอะไรอยู่ มันดันบอกว่า “กูไม่ได้ทำอะไรเลย แต่กูเหนื่อย” เผลอ ๆ ก็หนักถึงขั้นว่า “กูไม่อยากลืมตาแล้ว” ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนหนึ่งที่พูดประโยคนั้นเสียเองหรือว่าเป็นคนที่ได้ยินมา นี่ถึงเวลาแล้วที่ UNLOCKMEN จะพาคุณไปหาความจริงว่ามันเป็นเพราะอะไร แต่บอกได้เลยว่าสิ่งที่คุณได้ยินมันอาจจะไม่ใช่ความขี้เกียจและไม่ใช่สิ่งที่แก้ได้ด้วยคำว่า “นอนแล้วเดี๋ยวก็หาย” อย่างแน่นอน

 

เหนื่อยแบบไร้สาเหตุ

ว่ากันด้วยคนที่สงสัยว่า กูเหนื่อยอะไรก็ไม่รู้ หรือเพื่อนกูเหนื่อยอะไรนักหนาก็ไม่รู้ก่อน ทั้งที่มันก็ชีวิตดี มีเวลาว่างแท้ ๆ นอนเยอะกว่ากูอีก ฯลฯ บางทีถ้าปัญหามันเกิดจากสิ่งที่ไม่มีปัญหาอะไรอย่างนี้ หรือตรวจร่างกายหมดแล้วแต่ปรากฎว่าผลมันคลีนสุด ๆ อาจเกิดจากโรคยอดฮิตช่วงนี้ที่เขาเรียกว่า TATT ซึ่งมาจาก Tired All the Time แปลไทยว่า “เหนื่อยตลอดเวลา”

ความเหนื่อยอินฟินิตี้ระดับเรื้อรังนี้มันคือ “โรค” ที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์แล้วว่าทุกคนสามารถเกิดอาการเหล่านี้ได้ ไม่ว่าคุณจะมีอายุเท่าไหร่ เพศไหน การศึกษาสูงหรือต่ำก็มีโอกาสเกิดความรู้สึกนี้ทั้งสิ้น แต่เป็นเรื่องซับซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นจากความล้าสะสม (prolonged fatigue) ซึ่งเป็นผลจากจิตสั่งกายหรือสั่งความรู้สึกได้ ซึ่งถ้าเราต้องการจะแก้ มันก็ต้องลิสต์ดูก่อนว่าอะไรคือสาเหตุของสิ่งเหล่านั้น ทั้งสภาพแวดล้อม ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิต เพราะมันอาจจะเป็นเงื่อนงำที่ทำให้เกิดความรู้สึกนี้ได้

แต่หลัก ๆ เรื่องที่จะทำให้เรารู้สึกเฟล จนไม่อยากจะลุกไปไหนมันมักจะมาจากสิ่งที่เราใส่เข้าในตัวเองทั้งนั้น และอันที่จริงมันก็แก้ได้ด้วยตัวเองทั้งหมด โดยมาจาก 4 สิ่งหลักต่อไปนี้

  1. นอนไม่พอ นอนไม่พอสมองมันก็ตื้อ ส่งผลกระทบกับร่างกายตรง ๆ เรื่องความเหนื่อยล้าหรือหงุดหงิดเป็นทุนอยู่แล้ว ดังนั้น นอนให้พออย่างน้อยสัก 7 ชั่วโมงก็จะพอช่วยได้ ที่สำคัญยังต้องสลัดร่างตัวเองจากพื้นที่มุมอับไม่โดดแสงแดดด้วย พาตัวเองไปอยู่ในสภาวะที่ทำให้ตื่นตัว
  2. ไม่ออกกำลังกาย อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องดูแลอย่างหนักเพราะงานวิจัยมันเผยว่าการไม่ออกกำลังกายทำให้ร่างกายเราพังกว่าการสูบบุหรี่อีก หรือผลพลอยได้อย่างการรับสารเอ็นโดรฟีน หรือสารแห่งความสุขกระตุ้นให้เราสร้างพลังเหลือล้นจากการออกกำลังกาย
  3. ไลฟ์สไตล์สุดเหวี่ยง บางทีความเหนื่อยมันก็มาจากการใช้ชีวิตก่อนหน้านี้ เพราะบางทีการที่เราทำอะไรให้มันตึงหรือสุดไปทุกอย่าง พอถึงที่สุดแล้วมักจะขาดผึง เหมือนเราแบตหมดดื้อ ๆ ชาร์จไม่ติดและไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว
  4. เครียด ความรู้สึกกดดันที่ทับถมก็เป็นหนึ่งในสาเหตุ เพราะบางครั้งมันก็มาจากกำแพงเดิม ๆ ที่เราหาทางออกไม่ได้จนรู้สึกว่ามันสะสม กับบางอย่างที่เราแก้เองไม่ได้แต่อยากจะแก้มันเหลือเกิน ทางออกที่ดีที่สุดคือควรปลงกับมันเสีย ปล่อยมันไปบ้าง หรือคลายกฎบางอย่างที่เข้มงวดกับตัวเองลง เช่น ทำในสิ่งที่อยากทำบ้าง อยากกินอะไรกิน อยากเล่นอะไรก็เล่น เป็นต้น

อย่างไรก็ตามเรื่องการใช้ชีวิตก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าเราไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้ว่ามันต้องเกิดจากเรื่องนั้นเรื่องนี้แน่ ๆ ก็ลองใช้วิธี track ไลฟ์สไตล์ตัวเองดูผ่านการจดบันทึกรวม ๆ ไว้ ทุกครั้งที่รู้สึกแย่หรือรู้สึกไม่ดี เพราะบางทีมันอาจทำให้เราเจอสาเหตุของปัญหาก็ได้

ทว่าถ้าใครยังไม่ได้ไปหาหมอ แต่วินิจฉัยเองกับแก้อาการเบื้องต้นด้านบนแล้วก็ไม่รอด ผมจุดไฟให้อยากลุกมาทำอะไรสักอย่างไม่ได้เลย บางทีมันอาจจะเกิดจากความเจ็บป่วยอย่างอื่นที่เกี่ยวข้องก็ได้ เบื้องต้นที่รู้แน่ ๆ คือ 7 โรคต่อไปนี้ ถ้าคุณมีความเสี่ยงเป็นสักโรคหนึ่งในนี้ พวกมันเนี่ยแหละคือ Black hole ดูดพลังเรา

  1. โลหิตจาง หรืออาการขาดธาตุเหล็ก
  2. ต่อมไทรอยด์ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการผิวแห้ง ผลิตฮอร์โมนได้ไม่เพียงพอ
  3. เบาหวาน ขาดน้ำตาลในเลือดร่างกายย่อมเหนื่อยและเกิดความรู้สึกล้า
  4. โรคซึมเศร้า โรคที่เรียกได้ว่าเป็นเส้นบาง ๆ ระหว่างเครียดทั่วไปที่หายง่ายหรือความผิดปกติของสมอง แต่บอกได้เลยว่าซึมเศร้ามันเป็นโรคระยะยาวกว่าที่ควรได้รับการรักษาจริงจัง
  5. ลำไส้ผิดปกติ
  6. หยุดหายใจระหว่างนอน เพราะมันทำให้เรานอนน้อยลงเนื่องจากกำจัด CO2 ไม่ได้เหมือนปกติ และทำให้เราหลับไม่สนิท นอนไม่พอ
  7. โรคหัวใจ ความบกพร่องเกี่ยวกับหัวใจที่ทำงานได้ไม่เต็มร้อย เลือดที่ควรสูบฉีดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ทำได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้เกิดความรู้สึกเหนื่อยล้า

เอาเป็นว่าไม่ว่าคุณจะเหนื่อยแบบมีสาเหตุไหนก็ตาม อย่าทำเป็นมองข้าม เพราะมันอาจเป็นการส่งสัญญาณของร่างกายที่บอกว่าคุณควรหยุดพักหรือรักษาร่างกายตัวเอง ที่สำคัญคือคนรอบข้าง อย่ามัวมองแง่ลบ หรือตำหนิเพื่อนที่กำลังตัดพ้อ เพราะทุกอย่างมันมีเหตุผลของมัน ไม่มีใครที่อยากดูเป็นคนห่อเหี่ยวในสายตาคนอื่นหรอก

 

SOURCE: 1 / 2


Viewing all articles
Browse latest Browse all 7776

Trending Articles