การประกาศสนับสนุนแนวความคิดหรือมูลนิธิเพื่อสังคมต่าง ๆ ของแบรนด์แฟชั่นเป็นเรื่องที่มีให้เห็นตลอดเวลา แคมเปญการช่วยเหลือหรือบริจาคให้สังคม ถือเป็นการแสดงจุดยืนของทุกบริษัท ซึ่งต่างก็มีเป้าหมายของใครของมัน เหมือนอย่างที่ Chip Bergh CEO ของ Levi Strauss & Co เดนิมแบรนด์ชื่อดังของอเมริกาออกมาแสดงการสนับสนุนป้องกันความรุนแรงที่เกิดจากอาวุธปืนซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศของเขาตอนนี้

The Business Journals
ปี 2018 ถือเป็นปีที่มีเหตุการณ์คนใช้อาวุธปืนกราดยิงคนบริสุทธิ์เกิดขึ้นจำนานมากไม่ว่าจะเป็น เหตุกราดยิงระหว่างเทศกาลศิลปะ “Art All Night Trenton 2018” รัฐนิวเจอซี่เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 22 คน ต่อด้วยการบุกยิงนักข่าวถึงห้องข่าวในรัฐแมรีแลนด์ ซึ่งก็มีเหยื่ออีก 5 ราย และเหตุในโรงเรียนที่รัฐฟลอริด้าทำให้มีผู้เคราะห์ร้ายกว่า 17 คน ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วสหรัฐอเมริกามีคนเสียชีวิตจากอาวุธปืนเฉลี่ย 96 คน/วัน มันจึงกลายเป็นเหตุการณ์ที่ทุกคนอยากหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นมากที่สุดโดยการร่วมกันสนับสนุนกฎหมายควบคุมอาวุธปืนให้มีผลบังคับใช้แต่ก็ไม่สามารถดันร่างกฏหมายดังกล่าวให้ผ่านมติได้

The Patriot Post
ล่าสุด Chip Bergh CEO ของแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังอย่าง LEVI ได้ออกมาแสดงจุดยืนของตัวเขาและบริษัทแบบชัดเจน โดยการส่งจดหมายตีพิมพ์เผยแพร่ลงในนิตยสารอย่าง Fortune โดยเนื้อความในจดหมายพูดถึงเรื่องการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนองค์กรอย่าง SaferTomorrow ที่เดินหน้าป้องกันเหตุการณ์ร้ายดังกล่าวมาตลอด
ต่อมาคือการมอบเงินช่วยเหลือให้กับโครงการไม่แสวงหาผลกำไรและนักเคลื่อนไหวป้องกันความรุนแรงจากปืน ร่วมกับกลุ่ม Everytown Business Leaders or Gun Safety ทั้งหมดเพื่อสนันสนุนความปลอดภัยของประชาชนในประเทศไม่ให้ต้องพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

Levi Strauss
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ LEVI แสดงการสนับสนุนแนวความคิดต่าง ๆ ในสังคม ก่อนหน้านี้ Chip Bergh ก็เคยออกแคมเปญสนับสนุนกฎหมายการให้สิทธิประโยชน์แก่คู่แต่งงานของคู่รักเพศเดียวกันมาแล้ว รวมถึงเป็นแบบอย่างการแสดงออกความเท่าเทียมทางเชื้อชาติของคนงานในอุตสาหกรรมแรงงานในช่วงยุค 90’ ช่วยสร้างเท่าเทียมและนำมาซึ่งความสงบสุขให้กับชุมชนในประเทศได้ ถึงแม้จะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับแนวทางธุรกิจก็ตาม
ถ้าเหตุการณ์เรื่องอาวุธปืนจะดีขึ้นในอนาคต อย่างน้อยเสี้ยวนึงของความสำเร็จคงต้องขอบคุณแนวความคิดดี ๆ ของชายอย่าง Chip Bergh และผู้ที่ร่วมกันสนับสนุนในครั้งนี้ทุกคน