Quantcast
Channel: Unlockmen
Viewing all articles
Browse latest Browse all 7738

กว่าจะมาเป็นนางฟ้าไอทีนั้นไม่ง่าย: “เฟื่องลดา สรานี”กับบทบาทใหม่ที่ “FLOURISH DIGITAL”

$
0
0

แม้คำว่า “ดิจิทัล” จะเกิดขึ้นในสังคมไทยมานานหลายปี แต่การเห็นหญิงสาวออกมาพูดเรื่องไอทีในระดับแนวหน้าผ่านสื่อกลับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น พวกเธอสร้างความประทับใจจากความสามารถ ความสดใส มุกตลก เปลี่ยนเรื่องไอทีให้กลายเป็นเรื่องเข้าถึงง่ายและน่าชื่นใจ ทว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่าเบื้องหลังพลังงานอันเหลือล้นเหล่านี้มีที่มาอย่างไร

วันนี้เป็นโอกาสดีที่เราชาว UNLOCKMEN จะได้พูดคุยกับเธอผู้ได้สมญา “นางฟ้าไอที” คนนี้ เฟื่องลดา-สราณี สงวนเรือง” ตอนนี้เธอกำลังเติบโตขึ้นอีกขั้นจากการเปิดบริษัทและบริหารออนไลน์พับลิเชอร์ของตัวเอง “Flourish digital” ใครที่เป็นสาวกผู้คอยติดตามรอยยิ้มชวนให้ใจบางของเธออยู่ บอกได้เลยว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

 

คุยกับเฟื่องเรื่องที่เราไม่เคยรู้

“เฟื่องลดา” คือชื่อของหญิงสาวสุดสดใสตรงหน้าของพวกเรา แต่จากบทสนทนาในวันนี้กลับทำให้เราได้รู้เรื่องราวหลายอย่างที่คาดไม่ถึง อย่างหนึ่งก็คือกว่าจะเป็นสาวน้อยพูดจาฉะฉาน เธอเป็นเด็กหญิงพูดน้อยรักการอยู่คนเดียว แต่ไม่ชอบอยู่หน้าแสงไฟ ไม่ชอบการด้นสด ติดจะเนิร์ดเสียด้วยซ้ำ แต่ทุกย่างก้าวในวันนี้ของเธอเกิดขึ้นได้เพราะแรงผลักดันจากใจที่สู้ไม่ถอยล้วน ๆ

ฝัน “เฟื่อง”

เธอสารภาพว่าเท่าที่จำความได้ ฝันของเธอไม่ใช่การเป็นพิธีกรอย่างที่ทำให้เธอโด่งดังอยู่ในตอนนี้ แต่ฝันของเธอคือการเป็นนักร้องบรอดเวย์ ซึ่งก็ขัดกันกับความเป็นคนขี้อายของตัวเธอเองอยู่ดี ทำให้เธอต้องใช้ความพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อตามความฝัน ก้าวแรกของเธอเริ่มต้นที่การเป็นนักร้องชมรม CU BAND สมัยเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นจึงออกล่าฝันด้วยการร้องเพลงผ่านการประกวด AF อีกถึง 2 ครั้ง แม้ไม่ได้รับตำแหน่งกลับมา แต่ทั้งสองครั้งพลังเสียงที่มีก็ทำให้เธอผ่านเข้าสู่รอบ 50 คนทุกครั้งและเป็นการเพาะเมล็ดพันธุ์พิธีกรในตัวของเธออย่างเต็มเปี่ยม เนื่องจากผู้ใหญ่เห็นแววและให้โอกาสเรียกเธอเข้าไปแคสต์เพื่อรับบทบาทพิธีกรถึงสองครั้ง

“ถ้าเราทำอะไรไม่ได้ แล้วเรารู้สึกว่าเรายังพยายามได้ไม่ดีพอ เราจะรู้สึกว่ายังไม่ได้ ต้องลุยอีกหน่อย”

ประโยคที่มาพร้อมน้ำเสียงมั่นใจและหน้าตาที่มุ่งมั่นของเธอชี้ให้เห็นว่าแม้จะดูเป็นผู้หญิงตัวเล็กบอบบางแต่ด้านในซ่อนความพยายามที่ใหญ่กว่าขนาดตัวมากนัก ซึ่งแน่นอนว่าจากการฝึกฝนเพื่อลุยในครั้งที่ 2 เธอก็สามารถทำมันได้สำเร็จ

 

เลือกเปิดรับโอกาส และปิดประตูบานที่ไม่ใช่

ถึงแม้ทุกคนจะจดจำเธอได้จากการเป็นสาวสุดไฮเทคผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีที่แจ้งเกิดจาก “แบไต๋ไฮเทค” จากการทาบทามของพี่หนุ่ย – พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ หลังเรียนจบ แต่บทบาทอื่นที่เธอเคยผ่านมาแล้วมีมากมายหลายอย่าง ทั้งการเป็นพิธีกรข่าวบันเทิง แคสติ้งโฆษณา เล่นละคร ดีเจ ฯลฯ เธอไม่เคยปล่อยให้ประตูโอกาสหลุดมือไปเมื่อมันมาถึงและรับผิดชอบมันเป็นอย่างดี หากพบว่ามันไม่ใช่เธอแค่ทยอยปิดมันลงโดยเก็บข้อดีที่พบเจอเพื่อรักษาความเป็นตัวของตัวเองไว้

“เราเป็นพวกไฮเปอร์ ชอบใช้เวลาให้คุ้มค่า ตอนเป็นพิธีกรเรารู้สึกว่ามันจบในตัวของมันเอง ได้เป็นตัวของตัวเองและได้เรียนรู้ใหม่ตลอดเวลา แม้ว่าข่าวบันเทิงจะไม่ใช่เรื่องที่เราสนใจ แต่เราก็เก็บเล็กผสมน้อยไป ช่วงนั้นมีคนชวนให้ไปแคสต์โฆษณา แสดงละคร เราเคยมีโอกาสลองไปถ่ายครั้งสองครั้งแต่ก็รู้สึกว่าไม่ใช่ทางของเรา จนหลังจากเรียนจบ พี่หนุ่ยชวนให้ไปแคสต์พิธีกร เราก็ได้เริ่มเส้นทางด้านไอทีจากตรงนี้ค่ะ”

 

กว่าจะเป็นนางฟ้า


เราพบว่าการเป็นนางฟ้าของเธอไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะได้รับสมญานางฟ้าไอทีจากสื่อมวลชนต้องพบอุปสรรคจากความไม่คุ้นเคย สกิลที่แตกต่าง และแรงกดดันที่ถาโถมจากสังคมจนเกิดความรู้สึกท้อพอยและเกือบถอดใจจากการเป็นเฟื่องลดาที่เรารู้จักทุกวันนี้

“ตอนมาทำไอที เฟื่องเหมือนโดนโยนลงไปให้ว่ายน้ำกลางฉลาม (หัวเราะ) เราต้องเอาตัวรอดให้ได้ ตอนนั้นทำรายการแบบอัดเทปได้ไม่เกิน 2 เดือนเราก็โดนโยนเข้ารายการสดของแบไต๋ไฮเทคที่ออนแอร์พร้อมกันห้าช่องท่ามกลางพี่กูรูทั้งหลาย พี่ ๆ ทุกคนเก่งมากทั้งสกิลไอทีและสกิลเล่นที่เข้าขากัน

ตอนนั้นจังหวะของเรายังเข้ากับเขาไม่ได้ พิธีกรก็ยังไม่เก่ง ความรู้ก็ยังไม่แน่น แต่วิธีนี้ก็ดีมากนะคะเพราะเราต้องพยายามทำการบ้านให้ดี ฟอลโลว์ข่าวทุกสำนัก สรุปข่าวด้านไอทีส่งพี่หนุ่ยทุกอาทิตย์ บางครั้งเราก็จำเป็นต้องเล่นมุก 5 บาท 10 บาทเพื่อไม่ให้จมหายไป ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ได้ฝึกปรือฝีมือค่ะ พี่ ๆ ทุกคนถือเป็นครูที่ดีมาก อะไรที่เราไม่รู้พี่เขาก็พยายามสอนเรา ก็เลยสู้ตายกว่าจะมาถึงตรงนี้ต้องขอบคุณพี่ ๆ ทุกคน

เคยมีวันหนึ่งเราไปอ่านคอมเมนต์ใน Youtube ก่อนถ่ายรายการสด ซึ่งธรรมดาก็ไม่ค่อยได้อ่านอะไรมากเพราะเมื่อก่อนเป็นคนค่อนข้างอ่อนไหวระดับสูงมาก กลัวเฟล เจอคอมเมนต์ทำนองว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาไม่ได้ใช้คำพูดแรงแต่คำพูดนั้นมันยังฝัง ไม่เก่ง ไม่ดี มาทำตรงนี้ทำไม จังหวะนั้นระหว่างที่ถ่ายรายการช่วงที่ไม่ได้พูดเราก็ร้องไห้ออกมา ไม่รู้มีว่ามีใครสังเกตเห็นหรือเปล่า มันเป็นความรู้สึกเฟลที่เกิดขึ้น แต่ว่าพอผ่านไปพักนึง เรายอมรับและรู้ว่าด้อยจริง เราก็ฮึบขึ้นมาใหม่ว่า เออ ไม่เก่ง ได้ เดี๋ยวจะเก่งให้ดู ”

นอกจากทัศนคติการทำงานมุมบวกที่ถ่ายทอดผ่านคำพูดแล้ว เรื่องที่หลายคนสงสัยอย่างการโดนเปรียบเทียบกับตำแหน่งสาวไอทีคนอื่น ๆ เธอยังมีคำตอบดี ๆ ที่ทำให้เราต้องยิ้มตาม

“ส่วนตัวเฟื่องเคารพพี่ทุกคนในวงการค่ะ คือเฟื่องพูดเสมอว่าเฟื่องไม่เก่ง เฟื่องใหม่ และต้องเรียนรู้อีกเยอะ แต่มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนบอกว่าเรามาแทนที่ใครหรือเปล่า จริง ๆ เฟื่องมองว่าแต่ละคนก็มีสไตล์ที่ไม่เหมือนกัน ที่สำคัญเฟื่องเชื่อว่าทุกคนที่เป็นพิธีกรรายการสื่อไอทีเขาก็ต้องการที่ให้ความรู้ ยกระดับสังคมไทยโดยรวมเพื่อติดอาวุธทางดิจิทัลเลยคิดว่าเป็นเรื่องดีที่เราได้ร่วมด้วยช่วยกันแล้วก็ไปช่วยให้คนไทยดีขึ้น”

 

บทบาทใหม่ สู่การนักบริหารและผู้ก่อตั้ง “Flourish Digital”

การมีธุรกิจเป็นของตัวเองเป็นเรื่องยาก แต่ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี สาวน้อยอย่างเธอก็สามารถก่อตั้งบริษัทสำหรับทำออนไลน์พับลิชเชอร์เป็นของตัวเองและกลายเป็นเจ้าของกิจการที่ทุกวันนี้มีคนให้ต้องดูแลถึง 14 ชีวิต ทั้งหมดเริ่มต้นจากความฝันและงานอดิเรกซึ่งวันนี้ได้กลายเป็นความจริง

“มันมีองค์ประกอบอยู่สามสี่อย่างค่ะ อย่างแรกคือลึก ๆ แล้วเฟื่องมีความใฝ่ฝันอยากเป็นผู้ประกอบการอยู่แล้วตั้งแต่เด็กและอยากทำงานเบื้องหลัง อย่างที่สองคือเห็นโอกาสของโลกออนไลน์ เราเริ่มทำออนไลน์มาด้วยตัวเองจากความสนุก ถ่ายทอดเรื่องราวตัวเองผ่านแชแนลต่าง ๆ แต่มันดันไป ดันมีคนดู จนได้โอกาสและได้งานรีวิวมาบ้างจากตอนนั้น อย่างที่สามช่วงนั้นทำงานอ่านข่าวค่ะ มันเป็นโอกาสที่ดีมากนะคะ รายได้ก็ดี แต่ว่าสุขภาพของเราไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะเราอ่านข่าวเช้าทำให้เวลาพักจะไม่เหมือนคนอื่น

ตอนนั้นเราก็คิดถึงการทำธุรกิจขึ้นมา เขาบอกว่าไกด์ไลน์ก็คือ อะไรที่สามารถตื่นขึ้นมาแล้วทำได้ทุกวัน อะไรที่เราเชื่อ เราเลยหาจุดแข็งที่ตัวเองมีสิ่งหนึ่งที่คิดออกคือสิ่งที่ทำมาตั้งแต่จบก็คือการเป็นพิธีกร ดังนั้น เราก็เลยคิดว่าเราต้องทำสื่อนี่แหละ

จากนั้นเราก็รับการช่วยเหลือด้านคำปรึกษาจากผู้ใหญ่ค่ะ เขาก็ให้มาลองคิดดูว่าอะไรบ้างที่เราพร้อมเสีย ตอนที่เฟื่องกำลังจะตัดสินใจอายุกำลังจะ 25 พอดี ถ้ารีครูททีม จ้างพนักงาน จ้างคน เฟื่องก็ว่าล้มตอนนี้มันยังได้ แล้วตอนนั้นเราลองคำนวณว่าเรามีงานที่ไม่ใช่เงินเดือนประจำอีกไหม แต่ละเดือนมีรายรับเข้ามาเท่าไหร่ ครอบคลุมการจ่ายค่าจ้างไหม พอคำนวณแล้วว่าทำได้เราก็เลยลองดู ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ก็ไม่รู้จะเริ่มเมื่อไหร่ แล้วก็เห็นโอกาสมาก ๆ ของออนไลน์ แล้วรู้สึกว่าถ้าไม่ทำตอนนี้ก็จะสายเกินไป ซึ่งเฟื่องก็ว่าเฟื่องคิดถูกนะคะ ถ้าเฟื่องมาทำตอนนี้ ปี 2018 เนี่ย มันจะยากมาก ๆ แล้ว ถ้าจะสร้างขึ้นมาจากศูนย์เลย”

เคล็ดลับความสำเร็จอีกอย่างของเธอที่แอบเผยให้เรารู้นอกจากปัจจัยด้านบนแล้ว เธอบอกว่ามันคือ “ความไม่รู้” เพราะมันจุดประกายความกล้าที่ส่งให้ความฝันของเธอเป็นความจริง

“ภายใต้ความไม่รู้ก็มีความดีของมัน เฟื่องว่ามันอาจจะจำเป็นมาก พอไม่รู้แล้วมันกล้า ถ้าเรารู้เยอะแยะมากมายอาจจะกลัวไปเสียทุกอย่าง เหมือนคนที่ผู้ใหญ่เองพอมันโต ๆ ขึ้นไปแล้วมันเหมือนเสียความเป็นเด็ก กระตือรือร้น แววตา รู้สึกว่าไม่ทำดีกว่า ไม่ขยับตัว แต่ก็ถือว่าเป็นความไม่รู้ที่โชคดีที่เราสามารถบุกมาได้ขนาดนี้ค่ะ เพราะพอถึงจุดนึงมันก็จำเป็นที่จะต้องมีคนมาช่วยเราจัดการเหมือนกัน ตอนนี้โชคดีที่ได้พี่ GM มาช่วยบริหารการจัดการได้เก่ง หากันจนเจอ ชื่อว่าพี่กิ๊ฟค่ะ ให้เครดิตเขา”

สำหรับเป้าหมายในอนาคตที่เธออยากปลดล็อกให้สำเร็จ คือการลบภาพจำของความเป็นเฟื่องลดาทิ้ง และลดการทำงานเบื้องหน้าลงเพื่อให้แบรนด์สามารถเติบโตขึ้นได้ด้วยตัวเอง เหมือนคติที่เธอใช้หล่อเลี้ยงตัวตน

“Everyone can be the best version of themselves.”

ท้ายนี้ ชาว UNLOCKMEN คนไหนที่อยู่ระหว่างการค้นหาตัวตนหรือกำลังทำตามฝัน ก็อย่ายอมแพ้ ลองใช้พลังฮึบ ลุกขึ้นสู้กับทุกอุปสรรคอย่างที่เฟื่องลดาบอกไว้ได้ UNLOCKMEN เป็นกำลังใจให้พวกเราเสมอและเชื่อว่าคุณเองก็มี The best version เป็นของตัวเองเช่นกัน


Viewing all articles
Browse latest Browse all 7738

Trending Articles