ถ้าหากคุณกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาที่คุณรู้สึกเจอกับความเครียดมาติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง จนคุณแทบจะไม่มีเวลาให้กับตัวคุณเองมากพอ สิ่งที่คุณควรจะรู้ไว้ และอย่าได้ชะล่าใจเป็นอันขาด เพราะโรคร้ายแรงที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากความเครียดแทบทั้งนั้น การมีความรับผิดชอบ และทุ่มเทให้กับการทำงานนั้น แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ดี แต่คุณก็ควรจะฟังเสียง และคอยสังเกตุสัญญานเตือนจากร่างกายของคุณ ที่กำลังบอกว่าคุณควรจะพักผ่อนบ้างก่อนที่ร่างกายของคุณเองจะประท้วงหยุดงานไปเองซะดื้อๆ การที่คุณหยุดพักร่างกายเพิ่มฟื้นฟูสิ่งต่างๆ ให้กลับมาเต็ม 100 แค่ 1 วัน เพื่อกลับมาทำงานต่อได้ 1 อาทิตย์ ย่อมคุ้มค่ากว่าการทำงานไปเรื่อยๆ จนถึงวันนึงที่ร่างกายรับทุกสิ่งทุกอย่างต่อไปไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว แล้วต้องพักไปยาวๆ แบบไม่มีกำหนด จำไว้เลยว่า “ความเครียด กำลังเล่นเกมส์กับคุณอยู่ มันค่อยๆ รวมตัวกันที่จะต่อต้านคุณ จากความเหนื่อยล้า กลายเป็นความเครียด จากความเครียด มันจะทำให้คุณป่วย และสุดท้าย ความเหนื่อยล้า ความเครียด และอาการป่วยนั้น จะเป็นสิ่งที่ฆ่าคุณให้ตายอย่างไม่รู้ตัว” หากใครเคยดูหนังเรื่อง “ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” คุณคงพอจะเข้าใจได้ว่า ความเหนื่อยล้ามันอันตราย และน่ากลัวขนาดไหน ฉะนั้นวันนี้ด้วยความห่วงใยจากใจของทีมงาน UNLOCKMEN จึงมีวิธีการสังเกตตัวเอง มาให้ทุกๆ คน ได้รู้กันว่า มีสัญญาณเตือนอะไรบ้าง ที่กำลังบอกคุณว่าร่างกายของคุณกำลังจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ให้ได้รู้ตัวกันก่อนที่คุณจะน็อค
1.หมดเรี่ยวแรง อ่อนเพลีย และเหนื่อยล้า
ถ้าคุณรู้สึกว่าทันทีที่คุณลุกออกจากเตียงในทุกๆ วัน มันเป็นเรื่องที่ทรมานมาก แม้ว่าคุณจะนอนมาอย่างเต็มอิ่มถึง 8 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำ แต่ร่างกายกับยังรู้สึก หมดเรี่ยวแรง อ่อนเพลีย และเหนื่อยล้า เหมือนเพิ่งจะนอนไปได้ไม่นานแล้วล่ะก็ คุณควรลองพบแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้าน พฤติกรรม และสุขภาพดูหน่อยแล้วล่ะ เพราะมันเป็นผลกระทบมาจาก “ความเครียด” ที่กำลังทำให้ร่างกายของไม่ได้หยุดพัก และหลับสนิทอย่างที่ควร เหมือนร่างกายมีการทำงานอยู่ตลอดเวลา แม้จะได้นอนหลับสบายตลอดคืนก็ตาม มันไม่ก็คงจะเพียงพอที่อยู่ดี สิ่งเดียวที่จะหลีกเลี่ยงปัญหานี้ไม่ให้เกิดขึ้นได้ก็คือ ลดความเครียดในชีวิตของคุณลง แล้วร่างกายของคุณจะขอบคุณคุณอย่างสุดซึ้งเลยทีเดียว
2. คุณ ไม่สามารถนอนหลับได้
แม้จะเหนื่อยล้า และรู้สึกง่วงขนาดมากแค่ไหนก็ตาม แต่ไม่น่าเชื่อว่าทุกครั้งเมื่อคุณตั้งใจที่จะนอนพัก มันก็กลับนอนไม่หลับไปซะดื้อๆ ทั้งๆ ที่พยายามข่มตานอนนานเท่าไรก็ตาม จนสุดท้ายฟ้าสว่างกลายเป็นว่าคุณต้องอดนอนไปคืนนึงเต็มๆ ทั้งหมดนี้ก็มีสาเหตุมาจะสิ่งที่เรียกว่า ความเครียด อีกเช่นเคย โดยความเครียดนี้อาจจะเกิดที่คุณไม่สามารถหยุดคิดเกี่ยวกับภาระหน้าที่ทั้งหมดของคุณ บวกกับ ความจริงที่ว่าร่างกายของคุณอยู่นั้นถูกใช้งานจนเกินพิกัด จึงทำให้คุณมีความเหนื่อยสะสมเพิ่มขึ้นนั่นเอง
3. คุณป่วยบ่อยขึ้นกว่าแต่ก่อน
แน่นอนถ้าคุณมีปัญหาในการนอนหลับการเจ็บป่วยก็จะตามมาในไม่ช้า เมื่อสิ่งต่างๆ สะสมกันมาจนถึงช่วงเวลานึง ร่างกายจึงมีการตอบโต้ด้วยการเจ็บป่วย เล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น เป็นหวัด ปวดหัว มีการศึกษาค้นคว้าในเรื่องความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ระบบภูมิคุ้มกันของคุณจะลดลงประมาณ 30% เมื่อคุณกำลังเครียด บวกกับ สุขภาพจิต ก็จะเริ่มถดถอยลงจนรู้สึกหดหู่ และท้อแท้ กลัวว่างานที่ทำค้างไว้จะไม่เสร็จไม่ทัน กลัวนู่นกลัวนี่ไปหมด หรือที่หลายๆ คนเรียกมันว่า สติแตก นั่นเอง สิ่งที่ต้องทำก็คือตัดความคิดเหล่านี้ออกไปจากหัวของคุณซะ แล้วหลับตาพักผ่อนเพื่อรักษาสุขภาพร่างกาย และจิตใจให้กลับมาแข็งแรงให้ได้
4.เหม่อลอย
เมื่อคุณกำลังเครียด อาการอีกอย่างนึงที่คุณอาจจะไม่รู้ตัว แต่คนรอบข้างจะสามารถเห็นได้ชัดก็คือ ความเหม่อลอย เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงาน และเรื่องต่างๆ ที่คุณต้องรับผิดชอบ จะปรากฏอยู่ในหัวของคุณ มันอาจจะยากที่จะหยุดคิดในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม แต่ถ้าหากคุณ พบว่าตัวเอง มีอาการหลงๆ ลืมๆ อย่างเช่น เมื่อกี้ว่าจะทำอะไรนะ? เมื่อกี้วางของไว้ตรงไหน? หรือลืม นัดหมาย และการประชุม บ่อยขึ้นในช่วงนี้แล้วล่ะก็ คุณกำลังมีแนวโน้มว่าร้างกายของคุณเกือบถึง จุดพีคแล้วอย่างแน่นอน ฉะนั้นคุณอย่าปล่อยให้มันเป็นไปมากกว่านี้เป็นอันขาด ควรหยุดทุกอย่างบอกเพื่อนร่วมงานให้เข้าใจ ขอเวลาเพื่อพักผ่อนตัวเองเต็มๆ ซัก 1 วันก็ยังดี ปิดโทรศัพท์ ปิดคอม แล้วพักผ่อนตามอัธยาศัยให้ร่างกายได้ผ่อนคลายจากความเครียดก่อนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
5. คุณมีอาการปวดศีรษะ และปวดเมื่อยร่างกายเรื้อรัง
อย่าที่เราได้บอกไปก่อนหน้านี้ว่าเมื่อร่างกายของคุณเข้าสู่สภาวะความเครียด และความเหนื่อยล้าที่เกินขีดจำกัดแล้ว 2 สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อสมองของคุณเพียงอย่างเดียวของคุณ โดยธรรมชาติเมื่อมีความตึงเครียดเกิดขึ้น กล้ามเนื้อ และกลไกต่างในร่างกายก็จะมีอาการเกร็งตามๆ กันไปด้วย การนวดเพื่อผ่อนคลายนอกจากจะทำให้คุณหายปวดเมื่อยเนื้อตัวแล้ว มันยังช่วยให้คุณผ่อนคลาย และได้หลับตาพักผ่อนอีกด้วย ดังนั้นเมื่อคุณทำงานอย่างหนักมา 8 ชั่วโมงเต็มๆ จนร่างกายแทบจะระเบิด ลองใช้การนวดเพื่อผ่อนคลายดูบ้างก็เป็นทางออกที่ได้ผลอย่างน่าเหลือเชื่อเช่นกัน
6. คุณกลายเป็นพวกไม่สนใจเรื่องทางเพศ
เมื่อคุณกำลังเครียด และรู้สึกว่ากำลังเจอกับปัญหาที่ไม่มีทางออก ในใจของคุณไม่มีที่ว่างให้กับเรื่องทางเพศเข้ามาวนเวียนแต่อย่างใด คุณอาจจะผิดหวังเมื่อถูกคนรักปฎิเสธ หรือคุณเองที่เป็นคนที่ปฎิเสธเรื่องเพศกับคนรัก เพราะฉะนั้นขอให้คุณจงเข้าใจหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ซึ่งไม่ว่าตัวคุณเอง หรือคนรักของคุณ ที่อาจจะกำลังมีความเครียด ความกังวลอะไรบางอย่างอยู่ ทางออกก็คือ พยายามบรรเทาความเครียดให้ลดลง โดยการออกกำลังกายบ่อยๆ ก็สามารถช่วยได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
7. คุณมีอารมณ์อ่อนไหวมากเกินไป
Luice Hemmen นักจิตวิทยา ในซานตาครูซ แคลิฟอร์เนีย อธิบายว่า “เมื่อคุณเหนื่อยมากเกินไป บริเวณก้านสมอง จะได้รับการกระตุ้นจนทำให้คุณเกิดภาวะอารมณ์แปรปรวน” นี่คือสิ่งที่จะอธิบายว่าทำไมความเหนื่อยล้าถึงสามารถทำให้คุณร้องไห้ออกมาได้ แถมยังมันยังทำให้ความโกรธพุ่งปรี๊ดได้ทันทีเช่นกัน ถ้ามีคนมาทำให้คุณไม่พอใจในขณะที่คุณกำลังเหนื่อยล้าอย่างเต็มที่
8. คุณมีกำลังมีปัญหาอาหารไม่ย่อย
ถ้าคุณกำลังมีความเครียด และกำลังอยู่ภายใต้ความดัน สิ่งเหล่านั้นจะนำไปสู่ความรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว จนในบางทีอาจรู้สึกว่ามีอาการคลื่นไส้ หรือที่เรียกกันว่าเครียดลงกระเพาะนั่นเอง อาการที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากการตอบสนองโดยตรงกับความเครียดที่คุณกำลังรู้สึกอยู่ในขณะนั้น และมัน ไม่ง่ายเลยที่จะให้อาการเหล่านี้หายไปอย่างรวดเร็ว เพราะกระเพาะอาหารของคุณ มันจะส่งผลต่อไปจนทำให้เกิดปัญหากับระบบย่อยอาหาร ที่เบาที่สุดก็อาจจะเป็นอาหารไม่ย่อย และไม่รู้สกอยากอาหาร จนอาจนำไปสู่อาการที่หนักขึ้นจนถึงขั้น อาเจียน หรือปัญหาอื่น ๆ ที่จะตามมาอีกเยอะแยะมากมาย
9. รู้สึกหวิว และวิงเวียน
เชื่อว่าทุกคนรู้ดีว่า การหายใจเข้าลึกๆ จะช่วยให้คุณผ่อนคลายได้มากขึ้น เมื่อตอนที่คุณกำลังรู้สึกเครียด อาการหวิวนี้ทำหน้าที่เสมือนเป็นเครื่องเตือนใจ ว่าคุณควรที่จะพักหยุดหายใจลึกๆ ได้แล้ว เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองเริ่มที่จะโดนความเครียดเข้าเล่นงานใน จนในบางครั้งความเครียดทำให้คุณหายใจสั้น แล้วเร็วเกินไปจนร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ จึงทำให้เกิดอาการหวิวที่เรารู้สึกกัน เพราะฉะนั้น คุณควรจะพยายามตั้งสติ หายใจให้เป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมือ และไม่ต้องรีบร้อนกดดันตัวเองเมื่อเกิดเรื่องตื่นตระหนก หรือความตึงเครียดกำลังเข้าครอบงำ ทางอีกที่ดีมากๆ และจะช่วยคุณได้อย่างแน่นอน คือ การฝึกนั่งสมาธิ เพราะนอกจากจะทำให้คุณกำหนดลมหายใจของคุณได้ดีแล้ว การนั่งสมาธิยังช่วยให้จิตใจคุณสงบ และมาสติในการจัดการสิ่งต่างๆ ให้เป็นขั้นเป็นตอนได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
10. หันไปใช้ตัวช่วยที่ผิดๆ ในการเผชิญปัญหา
หลังจากที่ทำงานหนักมาทั้งวัน คุณรู้สึกมีความต้องการที่จะหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากระแทกปากเพื่อที่จะลดความตึงเครียด และเหนื่อยล้า ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย และจิตใจของคุณ แทนที่จะกลับไปที่บ้าน อาบน้ำให้สดชื่น และตรงเข้าไปที่ห้องนอน เพื่อพักร่างอันไร้พลังของคุณ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมไปถึงสารเสพติดต่างๆ อาจจะช่วยให้คุณรู้สึกดี ผ่อนคลาย และหายตึงเครียดได้ชั่วขณะ แต่แน่นอนโอกาสที่คุณจะเครียดจนแทบจะเป็นบ้าเมื่อ แอลกอฮอล์ หรือยาเสพติดหมดฤทธิ์ จะทำให้คุณต้องเครียดหนักไปกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว เพราะฉะนั้นใครที่ใช้วิธีการนี้เพื่อบรรเทาความเครียด ความเหนื่อยล้าอยู่ล่ะก็ เราของแนะนำให้คุณเลิกมันซะ และถ้าไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเองแล้วล่ะก็ คุณจะควรขอความช่วยเหลือจากผู้ที่หวังดีอย่างคนในครอบครัว หรือสถานที่ที่ให้คำปรึกษาในเรื่องของสิ่งเหล่านี้ทันทีก่อนที่ทุกอย่างจะพังพินาศไปมากกว่าเดิม
ร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าหากใครกำลังเจอกับสิ่งที่กล่าวมา 10 ข้อนี้ ขอให้คุณจงตระหนักไว้ว่าร่างกายของคุณกำลังต่อต้านการใช้ชีวิตที่เกินขีดจำกัดของคุณไปแล้ว หันมาดูแลร่างกาย และใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้นซักนิดแล้วค่อยไปลุยงานต่อจะดีกว่า เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ร่างกายคุณพร้อม ผมเชื่อว่างานที่คุณกำลังทำอยู่จะสำเร็จได้ง่ายขึ้น แถมคุณยังใช้ความสามารถของคุณได้เต็มประสิทธิภาพอย่างแท้จริงอีกด้วย