นับถอยหลังเข้าเทศกาลสงกรานต์ช่วงเวลาสุดแฮปปี้ของหนุ่มชาว UNLOCKMEN หลาย ๆ คน เพราะไม่เพียงมันจะเป็นวันหยุดที่ยาวติดต่อกันให้ได้พักหายใจสะดวกกว่าเดือนอื่นในรอบปีแล้ว มันยังถือเป็นช่วงเวลาที่บรรดาชายไทยทั้งหลายได้ออกไปโลดแล่น ปาร์ตี้ให้สุด หรือเปิดโอกาสให้เราได้เข้าใกล้เหล่าสาวสวยตามสถานที่เล่นน้ำแบบไม่เคอะเขินเพลินสายตา เรียกว่าเป็นนาทีทองของปีที่พยัคฆ์หนุ่มอย่างเราตั้งตารอคอย
แต่เราเชื่อว่าอีกมุมหนึ่งสำหรับชายหนุ่มบางคนถึงแม้เทศกาลข้างนอกจะพลุกพล่านมีสีสันสักแค่ไหน ก็ยังเกิดความรู้สึก “สุขไม่สุด” ชนิดกลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง เพื่อนชวนเที่ยวก็ไม่ไปจำศีลอยู่บ้าน อยากจะดีใจแต่ก็ขอรู้สึกยั้งอาการเสียจนความเศร้ามาครอบงำเฉยเลย เอ้า! ทำไมมันเป็นอย่างนั้น ? ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้บ่อย ๆ ไม่แน่ว่าเราอาจจะกำลังเป็นโรคแปลกยอดฮิตที่เรียกว่า ‘CHEROPHOBIA’ หรือโรครั้งความสุขกันอยู่ก็เป็นได้
“CHEROPHOBIA” คืออะไร
เพื่อให้เข้าใจโรคแปลกใหม่ตัวนี้ UNLOCKMEN สรุปที่มาที่ไปสั้น ๆ ไว้ให้เข้าใจคอนเซ็ปต์กัน 3 ประเด็นดังนี้
- CHEROPHOBIA = Chairo + Phobia โดยคำว่า Chairo ในภาษากรีกหมายถึง “ความสุข” ส่วนคำว่า phobia แปลว่า “กลัว” พอมารวมกันก็เลยแปลว่า “โรคกลัวความสุข”
- นักจิตวิทยาออกมาบอกว่า “โรคกลัวความสุข” มันมีอาการเดียวกับการวิตกกังวลที่กลไกการป้องกันตัวจะลุกขึ้นมาทำงานแบบต่อต้านความสุขเพราะกลัวความซวยเข้ามาแทนที่
- โรคกลัวความสุขไม่ได้แปลว่าเศร้าตลอดเวลา แต่มันจะส่ออาการและพฤติกรรมเลี่ยงความสุขที่เข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะกิจกรรมไหน ๆ ถ้าเราเริ่มรู้สึกว่ามันเริ่มสนุกก็จะอยาก fade ตัวห่างจากมันทันที
ออกอาการ “ปฏิเสธความสุข”

Photo by luis_molinero / Freepik
แบบไหนถึงจะเข้าข่ายของการเป็นโรคปิดกั้นตัวเองจากความสุข ? ประสบการณ์ตรงของคนที่เป็นอาการนี้มักจะบอกเหมือน ๆ กันว่าเขารู้สึกเช่นนี้
- การมีความสุขคือลางเกิดเรื่องแย่ ๆ ในอนาคตอันใกล้ หรือสุขทีไรซวยทุกที
- ความสุขจะทำให้เราเป็นคนไม่ดี เป็นคนแย่ ๆ
- ถ้าแสดงความสุขให้คนรอบข้างเห็นพวกเขาจะต้องรู้สึกแย่แหง ๆ
- ความสุขเป็นเรื่องเสียเวลา และเป็นตัวทำลายความพยายาม
นอกจากนี้วารสารทางจิตวิทยาจาก Journal of Cross-Cultural Psychology ยังพูดถึงค่านิยมความเชื่อแปลก ๆ ของคนที่เป็นโรคนี้ด้วยว่า เขาคิดว่ายิ่งเกิดเรื่องแย่ความโชคดีก็จะมาบ่อยขึ้น เข้าทำนองฟ้าหลังฝนดีเสมอ แม้ว่าจะมองในหลักพุทธว่าความสุขมันไม่อยู่ตลอดกาลจะเป็นเรื่องจริง แต่การกำกับหัวใจบิดเบี้ยวไม่ยอมปล่อยให้เป็นไปตามสิ่งที่มันควรเป็นก็ถือเป็นเรื่องร้ายเหมือนวางยาพิษใส่ตัวตลอดเวลาซึ่งไม่เป็นผลดีตรงไหน จริงไหม?
แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเราเข้าข่ายหรือยัง ? มอง ๆ ดูความถ่อมตัวที่เรามี และความรู้สึกบางอย่างมันก็ก้ำกึ่งเสียเหลือเกิน ถ้าเริ่มรู้สึกแบบนั้นเริ่มต้นจากการทำแบบทดสอบการเป็นโรคกลัวความสุขได้จาก QUIZ นี้ก่อน อย่าลืมตอบด้วยความจริง ห้ามกั๊กให้สวยหรู จะได้รู้กันแบบชัวร์ไม่มั่วนิ่ม
ถึงเวลาต้องปลดแอก
ถึงเวลาถอนทิ้งวัชพืชที่กำลังดูดความสุขเราไป ก่อนสงกรานต์หรือทุกครั้งที่เป็นวันหยุด มาอนุญาตให้ตัวเองมีความสุขอีกครั้ง เนื่องจากโรค CHEROPHOBIA ยังไม่ได้มีรายละเอียดจากการศึกษามากนั้นก็เลยยังไม่มีการรักษาเฉพาะตายตัวหรือมียารับประทานเหมือนโรคที่เกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาทอื่น ๆ จำพวกโรควิตกกังวล ฯลฯ แต่เราก็มีแนวทางการรักษาที่ผู้เชี่ยวชาญเขาแนะนำมาฝาก
- ลองทำ Hypnotherapy หรือการให้คำปรึกษาในระดับจิตใต้สำนึกด้วยการสะกดจิตบำบัด เพื่อค้นลึกระดับรากในการแก้ไข
- ลองทำ CBT หรือ Cognitive Behavioral Therapy วิธีการชนิดจิตบำบัดไว้สำหรับจัดการอารมณ์ด้านลบ แก้ความรู้สึกติดค้างในใจ
- คลายความตึงด้วยวิธีผ่อนคลายอย่างการหายใจลึก ๆ ท่องเที่ยว หรือออกกำลังกาย
- ตอบรับความสุขด้วยการเผชิญหน้าเหล่าอีเวนต์ที่เราเคยหลีกเลี่ยง หรือใช้พลังภายนอกของคนรอบข้างมาย้ำสร้างความมั่นใจว่าความสุขไม่ได้สร้างผลเสียอย่างที่คิด
อาการแบบนี้เป็นได้ก็หายได้เพราะเป็นอาการชนิดจิตสั่งกาย ดังนั้น เพื่อให้เราสามารถเสพความสุขได้สุดเต็มเปี่ยมในช่วงเวลาที่ควรสุขเพื่อ boost ความเหนื่อยล้าทางกายใจที่สะสมมายาวนาน ลองปรับมุมมองความคิดความเชื่อที่มันยึดติด สุขก็โอบกอด แย่ก็พร้อมรับทุกสถานการณ์ จำไว้ว่า “I think therefore I am” นะชาว UNLOCKMEN ที่รัก
นอกจากเรื่องความสุขที่เราไปขวางทางมันเอาเองแต่ให้ทางออกไปแล้วด้านบน ไอ้อาการบ้างานวันหยุดเองชาวไทยก็ใช่ย่อยไม่น้อยหน้าใคร เพราะเพิ่งจะมีผลสำรวจจาก Vacation Deprivation Study โดยเว็บไซต์เอ็กซ์พีเดีย ที่ทาง BLT ที่ออกมาบอกสด ๆ ร้อน ๆ ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า “ปี 2560 คนไทยขยันทิ้งวันลาพักร้อน”

Photo : BLTBangkok.com
ความห่วงงานจนทำทริปล่มมานักต่อนักของเราชนะเป็นอันดับ 1 ด้วยสัดส่วนสูงถึง 75 % แรงแซงโค้งประเทศอื่น ๆ อาจจะชี้ให้เห็นว่าพลพรรครักงานทั้งหลายมีแนวโน้มจะหอบงานกลับมาทำวันหยุดสงกรานต์นี้ด้วย เรียกได้ว่าไม่ใช้สิทธิพนักงานที่มี แถมเบียดเบียนวันหยุดที่ได้ด้วย เราก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น
ฉะนั้น หยุดนี้เคลียร์ใจ วางงาน แล้วออกไปพักผ่อนกันเถอะหนุ่ม ๆ ทั้งหลาย!!!