ถ้าใครสนใจเรื่องวัฒนธรรมที่มีผลต่อการออกแบบและพฤติกรรมมนุษย์เหมือนเรา น่าจะรู้สึกแปลกใจในการเปลี่ยนแปลงความนิยมในหมู่มนุษย์ที่มีต่อรูปทรงและการใช้งานของมัน ในยุคก่อน เราเริ่มด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องใหญ่ยักษ์ จากนั้นเทคโนโลยีก็พยายามพัฒนาอย่างสุดความสามารถในการย่อขนาดมันให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนั้นยิ่งเล็กยิ่งล้ำ ยิ่งเล็กยิ่งแพง แต่แล้ววันนึง เราก็มาพบว่ารูปทรงโทรศัพท์เคลื่อนที่มีหน้าตาเหมือนกันทั้งโลกโดยมิได้นัดหมาย และวันนี้พวกเค้ากำลังแข่งกันใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น ซึ่งดูแล้วน่าจะถึงจุดอิ่มตัวในไม่ช้า ทีนี้ถ้าเราให้ทายกันเล่น ๆ ว่า ต่อไปเทรนด์การออกแบบและใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน วันนี้เรากล้าฟันธงเลยว่า มันกำลังจะกลับไปสู่ความเป็น Dumb Phone หรือโทรศัทพ์โง่ ที่ไม่ต้องมีความสามารถอะไรมากมาย เพราะคำเริ่มตีตัวออกห่าง Social Network
ก่อนหน้านี้ Nokia ก็ได้ตอกย้ำเทรนด์ที่เราทำนายไว้อย่างชัดเจน ด้วยการเปิดตัว 3310 ที่ทำเอาโลกสั่นสะเทือน และพีคสุดอีกครั้งที่ทำเอาคนไม่สนใจ Samsung S9 ก็คือการเปิดตัว Nokia 8110 หรือกล้วยหอม ที่บอกตามตรงว่าเรายังอยากได้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มี Dumb Phone ที่น่าสนใจ และเลือกมุ่งยึดพื้นที่นี้ก่อนใครเพื่อน นั่นก็คือโทรศัพท์ตระกูล Light Phone ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 ปัจจุบันได้เดินทางมาถึงรุ่นที่ 2 แล้ว และมีความมั่นใจจากหลายสื่อว่า นี่แหละคืออนาคตของโทรศัพท์มือถือ นั่นคือการกลับคืนสู่สามัญ
ที่เราเกริ่นมายาวนาน เพราะเรารู้ว่าถ้าเปิดด้วยคุณสมบัติของ Light Phone 2 บทความนี้คงจะสั้นจนเรารับไม่ได้ มาถึงตรงนี้น่าจะยาวพอประมาณ สำหรับความสามารถของ Light Phone 2 สุด Minimal เครื่องนี้ ได้รับการพัฒนามาจาก Light Phone 1 ที่ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากโทรเข้าออก เรียกว่าโหดเกินไป ไม่เพียงพอต่อความจำเป็นในชีวิตประจำวัน มาถึงรุ่นที่ 2 จึงได้มีการพัฒนาโดยวาง positioning ว่ามันต้องเพิ่มความสามารถให้มากขึ้น เพียงพอต่อการพกพาเครื่องเดียวจบ
โดยจุดเด่นแรกสุดคือการออกแบบที่สวยงาม ตัวเครื่องสีขาวและดำด้าน หน้าจอ Touchscreen เรียบเนียนแต่แฝงความล้ำลึกทันสมัย นอกจากการโทรศัทพ์เข้าออก ในรุ่นนี้ยังรองรับ 4G สามารถส่งข้อความ และน่าจะเพิ่มฟังก์ชั่นสำคัญ ๆ อย่างเช่น แผนที่ ฟังเพลง หรือการใช้บริการเรียกรถอย่าง Uber ได้ ซึ่งน่าจะ Make Sense ในการใช้งานจริงได้มากกว่า แม้จะไม่ใช่โทรศัพท์ที่ใช้ได้ในวันทำงาน อย่างน้อยในช่วงวันลาพักร้อน ก็ถือว่าเป็นช่วงโอกาสที่เหมาะจะใช้งาน Light Phone 2 มากเหลือเกิน
ขณะนี้ Light Phone 2 ยังเรียกได้เต็มปากว่า อยู่ในขั้นตอนพัฒนา และยังนับเป็นโปรเจคระดมทุนใน IndieGogo อยู่ จึงยังเป็นสินค้าที่มีความเสี่ยงอยู่บ้าง (ในอดีตบริษัทนี้ส่งมอบ Light Phone 1 ที่ใช้งานได้จริงไปแล้วเรียบร้อย) โดยเฉพาะเรื่องสเปค ฟังก์ชั่น หน้าตาสินค้า และวันที่ผลิตแล้วเสร็จ แต่สำหรับคนที่คิดว่า Concept แบบนี้ถูกใจใช่เลย การรีบเข้าไปสนับสนุนโปรเจคนี้ตั้งแต่ช่วง Early Bird ณ บัดนี้ก็ถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะจ่ายเพียง $225 (ราว 7,000 บาท) เพราะราคาป้ายเมื่อสินค้าวางขายปกติ Light Phone 2 จะมีราคาเริ่มต้นที่ $400 (12,500 บาท)
For more information: https://www.indiegogo.com/projects/light-phone-2-smartphone-design#/