ถ้าพูดถึงแบรนด์กีฬาที่ทรงอิทธิพลในโลกคงจะมีชื่อของ Puma กับ Adidas อีกเป็นแน่แท้ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าเจ้าและผู้ก่อตั้งทั้งสองแบรนด์นี้เป็นพี่น้องกัน ที่เริ่มแรกทำงานด้วยกันแต่เกิดขัดใจกันจนเป็นเรื่องราวบาดหมางเกือบทศวรรษวันนี้ UNLOCKMEN ของนำเรื่องราวของสองแบรนด์นี้มาให้ผู้อ่านได้รู้กัน
ย้อนไปเมื่อปี 1920 ชายผู้หนึ่งชื่อว่า Adolf Dassler ที่เป็นลูกชายของช่างทำรองเท้า ที่อาศัยอยู่ในเยอรมนี ต้องการผลิตรองเท้าสำหรับนักวิ่งที่มีเดือยแหลมใต้รองเท้าเพื่อเพิ่มประะสิทธิภาพในการวิ่ง โดยในตอนนั้นรองเท้าของพวกเขายังเป็นแถบสี 2 เส้น Adolf หรือ Adi Dassler
เริ่มผลิตรองเท้ากีฬาของเขาเองหลังจากกลับมาจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และพี่ของเขา Rudolf (Rudi) Dassler ร่วมทำธุรกิจในนาม Dassler Schuhfabrik (Dassler Brothers Shoe Factory) ซึ่งสามารถขายรองเท้าได้ 200,000 คู่ ต่อปีก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งสองได้มาเช่าพื้นที่ทำโรงงานผลิตรองเท้ากีฬาในปี 1927 ปีต่อมารองเท้าของตระกูล Dassier ได้ถูกใช้ในกีฬา Olympic ที่ Amsterdam เป็นครั้งแรก และได้ออกสินค้าใหม่รองเท้าเทนนิสในปี 1931
Jesse Owen นักกีฬาวิ่งทีมชาติสหรัฐอเมริกา
ปี 1936 Jesse Owens ผู้กวาดเหรียญทอง 4 รางวัลในการแข่งขัน Berlin Olympic Games ได้สวมรองเท้ากีฬาของ Dassier ในการเข้าแข่งขัน ทำให้รองเท้าของ Dassler เป็นที่ยอมรับกว้างขวางมากขึ้นในหมู่นักกีฬา และปีเดียวกันนี้เองลูกชายของ Adi Dassier ได้กำเนิดขึ้นมีชื่อว่า Horst Dassier
เมื่อถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 โรงงานถูกพวก Nazis เข้าครอบครองและสั่งให้ผลิตรองเท้าบูทเพื่อทหารของเยอรมัน และ Rudolf ถูกเรียกตัวให้ร่วมรบกับกองทัพเยอรมันด้วย และเขาก็ถูกทหารของ Allied จับในฐานะนักโทษสงคราม เขาต้องใช้ชีวิตเป็นนักโทษสงครามอยู่ในค่ายทหารถึง 1 ปี หลังสงครามจบเขาก็ได้กลับมาที่ โรงงาน แดสเลอร์ ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว บ้างก็ว่า Rudolf โกรธเรื่องแฟนสาวของตน มีใจให้พี่ ชาย บ้างก็ว่า เพราะพี่ชายไม่ไปเจรจาต่อรองเพื่อขอแลกนักโทษ บ้างก็ว่า อาจเป็นเพราะบริษัทเติบโตเร็วและไปได้ดีเกินไป จนการจัดสรรผลประโยชน์กลายเป็นข้อขัดแย้งระหว่างสองพี่น้อง
ต่อมาในปี ค.ศ. 1948 ด้วยผลประโยชน์ Rudolf Dassler ตัดสินใจแยกตัวออกมาตั้งบริษัทใหม่เอง โดยใช้ชื่อบริษัท พูมาอาเกรูดอล์ฟดาสส์เลอร์สปอร์ต ซึ่งเป็นผู้ผลิตรองเท้าและอุปกรณ์กีฬายี่ห้อพูมา โดยใช้ Puma หรือ สิงโตภูเขา เป็นสัญลักษณ์ เนื่องจาก Puma เป็นสัตว์ที่ปราดเปรียวกระฉับกระเฉงสามารถปีนป่ายภูเขาได้เป็นอย่างดี
Rudolf ขณะร่วมออกแบบรองเท้า Puma
ในขณะที่ Adolf ก็ตั้งบริษัทของตัวเองภายใต้ชื่อ Adidas โดยการรวมชื่อกับนามสกุลของเขา [Adi+Dassler=Adidas] โดยใช้ลักษณะเฉพาะของแถบ 3 แถบเป็นโลโก้ โดยเพิ่มเข้าไปอีก 1 แถบจากโลโก้เดิมของ Dassler และเมื่อทำธุรกิจแบบเดียวกัน ย่อมต้องห่ำหั่นกันเป็นเรื่องธรรมดา ถึงขนาดที่ว่าสองพี่น้องไม่เคยกลับมาคุยกันอีกอื่น และสร้าง Value ให้กับคนในบริษัทที่ว่า ลูกหลานจะต้องไม่เรียนในที่เดียวกัน บริษัทจะดื่มเบียร์ต่างชนิดกัน
Adolf ขณะออกแบบรองเท้าสตั๊ดให้ทีมชาติเยอรมนี
เรื่อยมาจนเมื่อ Adolf เสียชีวิต ธุรกิจตกอยู่ในมือของลูกชายซึ่งย่ำแย่ลง Bernard Tapie ก็ซื้อกิจการไป แต่เมื่อ Tapie ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยจากการกู้เงินมาซื้อ อาดิดาส จึงคืนให้กับธนาคารเครดิตลีอองส์ ธนาคารแปลงหนี้เป็นหุ้น แล้วขายหุ้นให้กับ Robert Louis- Dreyfus เมื่อปี ค.ศ. 1993 ในราคา 4.485 พันล้านฟรังก์ ซึ่งสูงกว่าหนี้ที่ Tapie กู้จากแบงค์มา 2.85 พันล้านฟรังก์ Tapie จึงฟ้องธนาคารในเวลาต่อมา
เปเล่นักฟุตบอลชื่อดังชาวบราซิล
ต่างกับ Puma ที่ได้นักกีฬาระดับโลกหลายคนไม่ว่าจะเป็น เปเล่ ไข่มุกดำของบราซิลที่พาทีมคว้าแชมป์โลกด้วยรองเท้าพูม่า หรือจะเป็น ดีเอโก้ มาราดอนน่า หัถพระเจ้าที่ช่วยให้ทีมชาติอาเจนติน่าผงาดคว้าแชมป์โลก และนี้ก็ทำให้แบรนด์ ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม
แต่เหมือน Adidas ก็ไม่ยอมเขาให้มาร์ค สปิตซ์ ยอดนักว่ายน้ำชาวอเมริกันถือรองเท้า Adidas รุ่น Gazelles ในพิธีรับเหรียญทองโอลิมปิกปี 1972 ทั้งคู่เหมือนไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ทั้งสิทธิการฟ้องร้องกัน
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ว่าทั้งชีวิตของ Rudolf และ Adolf ไม่เคยคุยกันอีกเลย และปล่อยให้ความบาดหมางล่วงเลยมา ทั้งคู่เหมือนไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ทั้งสิทธิการฟ้องร้อง การลอกเลียนแบบมามากว่า 60 ปี แต่ล่าสุดเมื่อปี 2009 ผู้ถือหุ้นใหญ่ของทั้งสองบริษัทก็ได้ทำการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ เพราะเขาได้จัดเตะบอลกระชับมิตร เป็นกิจกรรมที่สองแบรนด์ออกเพื่อสนับสนุน องค์กร One Day Peace
จากเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องร้ายสำหรับครอบครัว Dassier ที่พี่น้องร่วมสายเลือดไม่ยอมพูดคุยกันเลยตลอดชีวิต แทบจะไม่เผาผีกันเลย แต่มันเป็นเรื่องโชคดีของชาวโลก เพราะแรงแค้นตัวนี้ กลับไปเป็นตัวพลักดันให้ทั้งสองพยายามผลิตอุปกรณ์กีฬาคุณภาพสูงเพื่อมาแข่งขันกะอีกฝ่าย ด้วยความที่ไม่ยอมกัน ทำให้ชาวโลกได้รับนวัตกรรมรองเท้าที่ดีที่สุดในยุคสมัยตามกาลเวลาๆ นั้น