เรียกได้ว่าเข้าสู่ฤดูกาลที่ผู้ชายหลายคนรอคอยกันอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับเดือนที่มีวันหยุด มาแบบรัวๆ ทั้งวันจักรี, สงกรานต์ และวันแรงงานแห่งชาติ จึงทำให้มีผู้ชายจำนวนไม่น้อย เริ่มที่จะหยิบแผนที่มากลางบนโต้ะ ปักหมุดสถาน พร้อมที่จะขึ้นค่อมรถมอเตอร์ไซค์ไปออกทริปกันแล้ว แต่สำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่ และผู้ชายบางคน ที่ไม่เคย…ประสบการณ์แบบนี้มาก่อน อาจจะสงสัย และตั้งคำถามว่า มันมีความสุขตรงไหน? เพราะการขี่มอเตอร์ไซค์นั้น ทั้งร้อน ทั้งเมื่อย แถมเวลาขี่ไปไกลๆ ก็ดูอันตราย ไม่สบาย และปลอดภัยเหมือนการขับรถยนต์อีกด้วย แต่สำหรับผู้ชายที่มีประสบการณ์ในการท่องเท่ียวด้วยรถ 2 ล้อคู่ใจเป็นประจำนั้น จะรู้ดีว่า สิ่งที่ทำให้พวกเค้าชื่นชอบ และหลงไหล การท่องเที่ยวในรูปแบบนี้ก็เพราะว่า ความรู้สึกได้เป็นอิสระอย่างแท้จริง มันเป็นช่วงเวลาในการเคลียร์หัวตัวเองให้ว่างเปล่า ไม่ปัญหา ไม่มีเรื่องกังวลใจใดๆ หลงเหลืออยู่ นอกจากภาพของท้องถนนที่ยาวออกไปไม่มีที่สิ้นสุด ได้สูดหายใจยาวๆ เพื่อรับกลิ่นของสายลม และ แสงแดด ไปพร้อมๆ กับความตื่นเต้นจากเสียงของเครื่องยนต์ที่กำลังคำรามอยู่ที่ใต้หว่างขาเท่านั้น
หลายคนที่ไม่ได้สัมผัสก็คงจะไม่รู้สึก แต่สำหรับคนที่อยากลองรสชาติแบบนี้มันดูสักครั้ง แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดีก็ยังคงมีอยู่มากมาย จริงๆ แล้ว คุณอาจจะเริ่มต้นจากการหารถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกใจสักคันหนึ่งมาให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก แต่จะว่าไปรถมอเตอร์ไซค์ก็มีหลากหลายสไตล์ หลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละคนก็มีความชอบ และสไตล์การขับขี่ที่ไม่เหมือนกันอีก ดังนั้น วันนี้เราจึงอยากขอแนะนำสิ่งที่หลายคนสงสัย นั่นก็คือ รูปแบบ และสไตล์ของมอเตอร์ไซค์แบบต่างๆ ที่มีการแบ่งแยกเอาไว้มากมายซะเหลือเกิน มาให้ได้ดูกัน โดยเฉพาะคนที่กำลังตัดสินใจว่า รถสไตล์ที่จะเหมาะสมกับตัวคุณ และชอบรูปลักษณฺของมันมากที่ เพื่อจะได้ซื้อได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งยังมีความเหมาะสมกับการใช้งาน และการขับขี่ของคุณ
Chopper
ถ้าหากให้นิยามรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Chopper ออกมาสั้นๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นคำว่า “รุ่นใหญ่” อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าหลายคนจะชอบนึกถึงภาพของรถสไตล์นี้เป็นฝรั่งแก่ๆ พุงใหญ่ๆ และใส่เสื้อหนังมาเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยท่านั่งที่หลายคนบอกว่ามันเหมือนกับลิงกอลิล่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Chopper เป็นรถที่ขับขี่ได้สบายสุดๆ เลยทีเดียว นอกจากนี้ สำหรับคนที่ชอบการตกแต่งรถเป็นทุนเดิม รถสไตล์ Chopper นี้ จะต้องตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน เพราะมันถือว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่คุณสามารถ Modified ได้ในทุกส่วนของรถเลยทีเดียว ลองสังเกตได้เลยว่า น้อยครั้งมากๆ ที่คุณจะได้เห็น Chopper ซึ่งมีเจ้าของคนละคนกัน แต่กลับมีหน้าตาเหมือนกัน นั่นก็เพราะว่า มันเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่จะให้คุณถ่ายทอดความเป็นตัวตนของคุณลงไปได้มากสุดๆ ดังนั้น รูปแบบการตกแต่งจึงเป็นแบบสไตล์ใคร สไตล์มันกันไปเลย
Bobber
รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Bobber และ Chopper มีเพียงแค่เส้นบางๆ เท่านั้น ที่แบ่งแยกรถทั้ง 2 สไตล์นี้ออกจากกัน เป็นที่ถกเถียงกันอยู่บ่อยๆ เพราะหลายคนยังคงสับสนในความแตกต่างสำหรับสไตล์ Bobber โดยพื้นฐานแล้ว Bobber เป็นสไตล์ที่เกิดขึ้นมาก่อนที่รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Chopper จะเกิดขึ้นบนโลกเป็น 10 ปี สไตล์ Bobber ถือกำเนิดขึ้นมาในช่วงที่ผู้คนไม่ได้มีความรู้ หรือความสามารถมากพอที่จะทำอะไรกับเครื่องยนต์ได้ ดังนั้นรถในสไตล์ Bobber จึงเน้นไปที่การ Modified ตัวเฟรม หรือชิ้นอะไหล่ต่างๆ แต่จะมีการถอดพวกแตร และอะไรที่ไม่จำเป็นกับศักยภาพของรถทิ้งไปจนหมด คล้ายๆ Chopper รถมอเตอร์ไซค์ทั้ง 2 สไตล์ มักจะนิยมทำในแบบ หลังแข็ง หรือ การยิงเฟรมแบบ Hard Tail แต่สิ่งหนึ่งที่ Bobber แตกต่างออกไปจาก Chopper อย่างชัดเจนก็คือ การที่ถอดส่วนบังโคลนท้ายเดิมทิ้ง รวมถึงตัดหูยึดหรือเฟรมในส่วนท้ายออก แล้วทำการติดตั้งบังโคลนที่สั้นกว่าเข้าไป ในตำแหน่งที่ต้องการ นั่นเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดในรถมอเตอร์ไซค์ที่ตกแต่งในสไตล์ Bobber
Board Tracker
มอเตอร์ไซค์สไตล์ Board Tracker ถือเป็นสไตล์วินเทจ คลาสสิค ที่คุณอาจจะเห็นมันได้ยากมากตามท้องถนน และอาจจะเจอมันอยู่แค่เพียงตามพิพิธภัณฑ์รถเก่า หรือ Garage เจ๋งๆ เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Board Tracker เดิมทีนั้นเป็นรถแข่ง ที่ได้รับความอย่างไม่น่าเชื่อช่วงปี 1910 – 1920 ดังนั้น มันจึงถูกออกแบบมาให้ผู้ขับขี่นั่งในท่าที่ค่อนข้างต่ำ หรือหมอบไปแนบติดกับรถ รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Board Tracker ถือเป็นรถที่มีความอันตรายสูง เนื่องจากตัวรถที่มีขนาดเล็ก และแทบจะไม่มีอุปกรณ์ หรือเทคโนโลยีอะไรเลยในเรื่องความปลอดภัย เพราะนอกจาก เฟรมรถ, เครื่องยนต์ ล้อหน้า – หลัง และเบรค ก็มีอีกเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นในรถคันนี้
Sport Bike
ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่เห็นได้บ่อยมากที่สุดเลยก็ว่าได้ สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ในสไตล์ Sport รถมอเตอร์ไซค์สไตล์นี้ ส่วนมากจะเน้นไปที่เรื่องของความเร็ว ด้วยความโดดเด่นของกำลังเครื่องยนต์ที่มีความจุมาก รอบเครื่องสูง และจัดกว่า ทำให้มันทำความเร็วเพิ่มขึ้นได้เพียง แค่การปิดกระแทกคันเร่งเท่านั้น ด้วยความที่เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มาพร้อมกับความเร็วสูง จึงต้องถูกออกแบบมาให้มี Fairing ซึ่งเป็นหลักการ Aerodynamic หรือ อากาศพลศาสตร์ เข้ามาช่วยสร้างสมดุล และลดแรงปะทะซึ่งเกิดจากความเร็วในการขับขี่อีกด้วย แต่อย่าคิดว่าจะมีแต่ข้อดี เพราะถ้าคุณอยากได้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม คุณก็ต้องแลกมาด้วยท่านั่งที่แสนจะทรมานเช่นกัน ดังนั้น มันจึงเป็นรถที่ทำความเร็วได้ดี แต่ขี่ไปไหนไกลๆ นานๆ คงจะไม่เหมาะเท่าไหร่นัก
Café Racers
สไตล์ Café Racers ได้รับความนิยมมาทุกยุคทุกสมัย แม้กระทั่งในปัจจุบันนี้ รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Café Racers นี้ มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1960 เมื่อประชาชนคนธรรมดาทั่วไปชาวอังกฤษ และชาวยุโรป เริ่มที่จะ Modified รถมอเตอร์ไซค์ของพวกเค้า ให้มีความใกล้เคียงกับรถมอเตอร์ไซค์ของนักแข่ง Grand Prix ที่ใช้ในสนาม ด้วยรูปทรง และท่าขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นข้อแม้ที่ค่อนข้างชัดเจนว่า รถสไตล์นี้ผู้ขับขี่จะนั่งในตำแหน่งค่อนข้างสูง, เบาะต้องเป็นแบบตรงยาว, ท้ายต้องเป็นแบบตูดมด, ต้องใส่แฮนด์จับโช๊ค และยังมีรายละเอียดอีกเยอะแยะเต็มไปหมดที่รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Café Racers ต้องทำ เดิมทีรถมอเตอร์ไซค์ที่จะตกแต่งสไตล์ Café Racers ได้นั้น จะเป็นที่มีเครื่องยนต์ขนาดเล็ก แต่ในปัจจุบันนี้ เราก็เห็นรถ 4 สูบ หรือแม้แต่รถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่อง V-Twin ก็ถูกนำมา Modified ให้กลายเป็นรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Café Racers ด้วยเหมือนกัน
Flat Tracker
ถ้าจะให้เข้าใจได้ง่ายๆ เลย ก็คงต้องบอกว่ามอเตอร์ไซค์สไตล์ Café Racers นั้น เป็นรถมอเตอร์ไซค์สไตล์คนอังกฤษ ส่วน Flat Tracker หรือ Street Tracker ก็เป็นรถมอเตอร์ไซค์ในแบฉบับของคนอเมริกัน หากลองสังเกตดีๆ จะเห็นได้ถึงความคล้ายคลึงของตำแหน่งที่นั่ง และเบาะ ที่ใช้รูปแบบเดียวกัน หรือที่คนส่วนใหญ่จะเรียกมันว่า เบาะ Banana Style นอกจากนี้ รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Flat Tracker ยังดึงเอาความเป็น Motocross เข้าไปผสมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการยกส่วนของบังโคลนให้สูงขี้น ใส่ยางประเภท Dirt Bike หรือยางสำหรับลุย แทนยางที่ใช้ในทางเลียบแทน Flat Tracker ยังแยกย่อยออกไปอีกเช่น Scramblers ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างออกไปอีก
Rat Bikes
บางอาจจะเรียกรถมอเตอร์ไซค์ประเภทนี้ว่า Rat Bike เนื่องจากรถสไตล์นี้ จะมีเอกลักษณ์อยู่ตรงที่ความเก่า ความดิบ อาจจะด้วยสนิมที่เกราะตามตัวรถ รวมไปถึงการตกแต่งที่คนหลายคนอาจจะมองว่า เป็นเหมือนการเอารถเก่าจะพังแหล่ไม่พังแหล่ มายำรวมกันเป็นรถคันนึงซะมากกว่า สำหรับคนที่ชื่นชอบการแต่งรถสไตล์นี้ จะรู้ว่า นอกจากความดิบ เท่ และโหดแล้ว มันยังถูกมองว่าเป็นงานศิลปะอีกด้วย
Club/Thug
แก๊งค์มอเตอร์ไซค์ หรือ Motorcycle Club ถือเป็นกลุ่มแก๊งค์ที่มีประวัติมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1940 เหล่านักบิดทั้งหลายในยุคเริ่มแรก ส่วนใหญ่มักจะเป็นทหารผ่านศึก ที่กำลังมองหากลุ่มก้อน และปลูกฝังความเป็นพี่น้อง ความสนิทสนมระหว่างมิตรสหายที่เคยร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 มาด้วยกันให้คงอยู่ โดยการขี่รถมอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวไปในสถานที่ไกลๆ และอาศัยหลับนอนอยู่ด้วยกัน ดังนั้น จึงต้องมีการปรับแต่งตัวรถให้มีความสบายในการขับขี่มากขึ้น จนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน รถของเหล่าสมาชิกของกลุ่ม Motorcycle Club พวกนี้ จะถูกเรียกว่า “Club Style” หรือ “Thug Style” โดยส่วนใหญ่จะเป็นการใช้รถมอเตอร์ไซค์ที่มีการผลิตอยู่ในประเทศอเมริกา อย่าง Harley-Davidson Dyna หรือ FXRs มาติดแฮนด์แบบ T-Bar และเพิ่ม Fairing ขนาดเล็กเข้าไป นอกจากนี้ยังมีล้อแม็กซ์ และท่อไอเสียแบบ 2-into-1 Exhaust อีกด้วย หากใครนึกไม่ออก ให้ไปลองหารถในกลุ่มตัวเอกของซีรี่ย์ดังอย่าง Sons of Anarchy ดูจะเห็นได้อย่างชัดเจน
Brat-Style
สิ่งที่น่าสนใจ และทุกคนควรจะรู้ว่า นั่นก็คือ รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Brat มีต้นกำเนิดมาจาก Go Takamine และร้านของเค้า “BRATSTYLE” ที่ตั้งอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น จะว่าไปแล้ว มันก็คือ รถมอเตอร์ไซค์ที่นำเอาสไตล์ Cafe Racers กับ Bobber มาหั่นส่วนต่างๆ ออก หรือเพิ่มเติมส่วนที่ขาดหายไป แต่ที่แน่นอนเลยก็คือ รถที่เป็นสไตล์ Brat จะไม่ใช้บังโคลนหลังยาว และใส่แฮนด์จับโช็คแบบ Cafe Racers ถึงแม้ว่า จะมีรูปแบบที่ใกล้เคียงกันมากก็ตามที
เมื่อคุณเจอรถ และสไตล์ที่ถูกใจแล้ว เรามั่นใจว่า คุณจะรู้สึกอยากจะหาเรื่องออกไปขี่รถมอเตอร์ไซค์ของคุณมากขึ้นอย่างแน่นอน และสำหรับใครที่สงสัย และอยากจะทำความรู้จักกับรถแต่ละแบบว่า แบบนี้เค้าเรียกว่าสไตล์อะไร บทความนี้คงจะให้คำตอบกับคุณได้อย่างแน่อน