“ความขี้เกียจ” เป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่ในตัว เพียงแต่ว่า อาจจะต่างกันตรงที่ แต่ละคนจะมีมาก หรือมีน้อย จะมีมากขึ้น หรือลดเท่านั้น หลายคนมองว่า “ความขี้เกียจ” เป็นสิ่งเลวร้าย ที่จะนำพาชีวิตดำดิ่ง และมีแต่จะก้าวถอยหลัง แต่จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ถ้าสมมุติว่า “ความขี้เกียจ” ของคน เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเรานั้น มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จได้ขึ้น คุณเคยรู้มาก่อนหรือไม่ว่า จริงๆ แล้ว คนที่มีนิสัยขี้เกียจมากมายหลายคน ที่กลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น Charles Darwin ที่ว่ากันว่า เค้าเป็นคนขี้เกียจยิ่งกว่า ตัวสล็อตซะอีก คุณครู และพ่อแม่ของเค้า รู้สึกทุกข์ทรมาณ และเขี้ยวเข็ญเค้าอย่างหนัก เพื่อที่จะให้เค้าไปโรงเรียนในวัยเด็ก บ่อยครั้งที่เค้าหลับในชั่วโมงเรียน และไม่เคยทำการบ้าน พอถึงตอนเข้ามหาวิทยาลัย เค้าใช้เวลาส่วนใหญ่ประมาณ 80% อยู่ในผับ 10% อยู่บ้านเพื่อนนอนหลับ และอีก 10% ที่รั่วมหาวิทยาลัย แม้กระทั่งปัจจุบัน เค้าก็ยังเป็นคนขี้เกียจมากๆ ถึงแม้ว่าเค้าจะกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ และนักเขียน แต่ผลงานของเค้าแต่ละชิ้น ก็ใช้เวลานานเหลือเกินกว่าจะเสร็จได้
ตัวอย่างก็ของคนขี้เกียจผู้โด่งดังก็ คือ Winston Churchill เค้าเป็นคนที่มีคะแนนตอนสมัยเรียน แย่สุดๆ ตั้งแต่อนุบาล จนกระทั้งจบมัธยมปลาย เค้าไม่สามารถเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้ เค้าไม่ชอบเล่นกีฬา ไม่ชอบทำกิจกรรม แต่สิ่งที่เค้าชอบคือ การนั่งเฉยๆ อยู่บนเก้าอี้โยกเท่านั้น สุดท้าย เค้ากลายเป็นนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว หน้าที่หลักของเค้าก็คือ การนั่งอยู่บนเก้าอี้แบบที่เค้าชอบ
นอกจากนี้ ยังมีบุคคลที่ประสบความสำเร็จ และยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์อีกหลายต่อหลายคน ที่ถูกตราหน้าว่า เป็นไอ้ตัวขี้เกียจ เช่น Einstein, Newton, Picasso, Mendeleev และอีกมากมาย เมื่อดูจากรายชื่อแล้ว เรามั่นใจเลยว่า คุณต้องมีข้อสงสัยอยู่ในใจเต็มไปหมดอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม พวกเค้าสก็ทำให้ได้เห็นกันแล้วว่า คนขี้เกียจ ก็สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ แถมยิ่งใหญ่กว่าคนอื่นซะด้วย วันนี้เราจึงนำเอาเรื่องราว และเหตุผลที่แสดงให้ว่า คนที่ขี้เกียจ มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จ แถมมากกว่าคนปกติซะด้วย
They are inventive
ไม่รู้ทำไมแต่… คนขี้เกียจส่วนใหญ่ มักจะมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าคนปกติ โดยเฉพาะถ้าหากว่า คนขี้เกียจต้องเข้าไปพัวพันในเรื่องของการจัดการด้วยแล้ว คุณจะยิ่งเห็ความคิดสร้างสรรค์ของพวกเค้ามากยิ่งขึ้น นั่นก็เพราะว่า คนขี้เกียจมักจะไม่ชอบอะไรที่มันซับซ้อน ไม่ชอบการเสียเวลา และอะไรที่มีกฎเกรฑ์เข้มงวด ดังนั้น ลองสังเกตพนักงานออฟฟิศที่คุณอยู่ดูก็ได้ว่า พนักงานคนไหนที่ว่าขี้เกียจ เมื่อโดนใช้งาน พวกเค้าจะหาทางลัด ที่มีประสิทธิภาพได้ใกล้เคียงกันเสมอๆ เพราะคนคนขี้เกียจ จะพยายามทำทุกวิถีทางให้ชีวิตง่ายขึ้น อย่างเครื่องขุดดินเอง ก็เป็นผลงานจากคนขี้เกียจคนนึง ที่ไม่อยากจะใช้จอบขุดดิน เพราะมันเหนื่อย และเสียเวลา เครื่องดูดฝุ่นเองก็ใช่เช่นกัน เพราะว่า เค้าขี้เกียจจะเช็ดฝุ่นด้วยผ้า เค้าจึงคิดค้นเครื่องดูดฝุ่นขึ้นมา ใครจะไปรู้กันล่ะว่า ไอตัวขี้เกียจทั้งหลายในวันนี้ อาจจะคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอนาคตก็เป็นได้
They are entrepreneurial
คนขี้เกียจ มักกล้าได้ กล้าเสีย คนเหล่านี้มักมีโครงการ และความคิดมากมายเต็มไปหมด เนื่องจากพวกเค้าว่าง วันๆ ไม่ค่อยจะทำอะไร ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ปล่อยความคิดให้เกิดขึ้น แล้วก็ลอยออกมาจากสมองไปวันๆ หรือที่บางคนจะใช้คำว่า คิดเพ้อเจ้อ หรือคิดอะไรไร้สาระ แต่คุณหารู้ไม่ว่า สิ่งที่คนเหล่านี้คิดนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นไอเดียที่ตอบโจทย์ความต้องการของคน โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องความสะดวกสบาย แถมมันยังเป็นไอเดียที่แปลก แตกต่างกับสิ่งที่อยู่แล้วในท้องตลาดอย่างแน่นอน พวกคนขี้เกียจนี่แหละ นักริเริ่มตัวยง เพียงแต่ขอให้เค้าลงมือทำด้วยเท่านั้น ไม่ใช่สักแต่คิด รับรองได้เลยว่า ต้องมีอะไรเจ๋งๆ แปลกประหลาด เกิดขึ้นบนโลกอย่างแน่นอน
They know when to rest
หลายคนประสบปัญหา การพักผ่อนไม่เพียงพอ บางคนใช้พลังงานมากไปในแต่ละวัน แต่ไม่รู้ว่า ตัวเองควรที่จะพักผ่อนตอนไหน แต่สำหรับคนขี้เกียจแล้ว พวกเค้ารู้ดีว่า ตอนไหนที่พวกเค้าเหนื่อยแล้ว ตอนไหนที่พวกเค้าอยากนอน ตอนไหนที่จะพูดคำว่าพอ แถมด้วยการที่เป็นคนขี้เกียจ และชื่นชอบการพักผ่อนเป็นพิเศษนี่เอง ร่างกายของพวกเค้าส่วนใหญ่ จึงแข็งแรงกว่าอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับคนขยันๆ อย่างนักวิทยาศาสตร์ ที่ต้องตื่นมาเฝ้าการทดลองตอนกลางดึก เมื่ออายุได้ 40 ปี ร่างกายของคนที่ใช้งานมันไปกับการทำงานหนัก จะร่วงโรยเร็วกว่า คนขี้เกียจเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว
They are more relaxed
คนขี้เกียจนั้น ขึ้นชื่อในเรื่องความ Chill อยู่แล้ว พวกเค้าไม่รีบร้อน ไม่เร่งรีบ พวกเค้าใช้เวลาอย่างเอื่อยเฉื่อย ซึ่งมันสามารถส่งผลให้พวกเค้า เป็นคนที่ไม่ค่อยมีความเครียด แต่ในทางกลับกัน คนที่แอคทีฟตลอดเวลา หรือคนขยัน ส่วนมากมักจะมีอาการตื่นตระหนก และฟุ้งซ่านซ่อนอยู่ลึกๆ ในจิตใจ พวกเค้าจะกังวลว่า จะทำสิ่งนี้ทันมั้ย จะตื่นไปทำธุระไหวรึเปล่า ทุกอย่างที่เค้าคิดนั้น มันมากเกินขั้นตอนการเตรียมตัวไปไกล จนกลายเป็นคนจุกจิก ขี้โหโม ใจร้อน เนื่องจากความเครียดที่ตัวเองสุมเอาไว้ภายใน โดยไม่รู้ตัว ซึ่งต่างกับคนขี้เกียจ ที่ทำอะไรก็ค่อยๆ เรื่อยๆ พวกเค้าจึงกลายเป็นคนที่ใจเย็นกว่า และผ่อนคลายมากกว่า ในเกือบทุกๆ เรื่อง ในชีวิต
They know their goals
คนขี้เกียจส่วนใหญ่ มักรู้จักการจัดการเรียงลำดับก่อนหลัง ตามความสำคัญได้เป็นอย่างดี พวกเค้าจะตัดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออก เพื่อประหยัดเวลา และเพื่อไม่ให้เกิดขั้นตอนที่ยุ่งยากต่อชีวิตพวกเค้า พวกเค้าจึงเป็นพวกที่ เมื่อจะทำอะไร ก็ตาม ต้องเห็นผลได้เร็วที่สุด และชัดเจนที่สุด นั่นคือ ข้อดีอีกอย่างนึง ของคนขี้เกียจ ที่ในบางครั้ง คนขยันๆ ทำไม่ได้ หรือทำได้ก็อาจจะช้ากว่า โดนตัดหน้าไปเป็นที่เรียบร้อย
They cannot but be clever
คนขี้เกียจไม่ได้แปลว่า พวกเค้าไม่ฉลาด ส่วนคนขยัน ก็ไม่ได้แปลว่า เค้าจะต้องเป็นคนฉลาดเสมอไป สำหรับคนที่น่าจับตามองที่สุด ก็คือ คนขี้เกียจ ที่ฉลาด เพราะถ้าหาก ขี้เกียจ แล้วยังโง่ด้วยนี่ก็จบข่าว ขยันแต่ไม่ฉลาดก็จบเช่นกัน ถ้าขยันด้วยฉลาดด้วย นั่นก็ถือว่า เป็นคนในอีกประเภท ดังนั้น ที่บอกว่า คนขี้เกียจที่ฉลาดนั้น น่าจับตามาองก็เพราะว่า คนขี้เกียจเหล่านี้ จะใช้สมองที่ยอมเยี่ยมของเค้า ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้รวดเร็ว ขั้นตอนน้อย เรียกได้ว่า หาวิธีที่ดีที่สุด และง่ายที่สุดให้กับตัวเองได้เสมอ เพราะฉะนั้น หากคุณต้องเลือกลูกน้องสักคน ให้คนเลือกคน ขี้เกียจ แต่ฉลาด แล้วคุณจะสบาย
They use technologies that allow them to be lazy
เมื่อมี Application, Program หรือ Technology อะไรใหม่ๆ รวมไปถึง Gadgets อะไรก็ตาม ที่สามารถช่วยให้ผู้คนทำงานได้รวดเร็ว หรือช่วยทุนแรงได้นั้น เหล่าคนขี้เกียจทั้งหลาย จะรู้เรื่องทั้งหมด แถมคนขี้เกียจยัง จะใช้งานมันได้เร็วกว่าคนปกติทั่วไปถึง 2 เท่าเลยทีเดียว ดังนั้น จึงไม่แปลก ที่คุณจะเห็นว่า คนขี้เกียจเหล่านี้ พยายามหาสิ่งใหม่ๆ อัพเดทล่าสุด มาทดลองใช้อยู่ตลอด นั่นก็เพราะว่า เค้ากำลังหาทางที่จะสบายมากยิ่งขึ้นอยู่นั่นเอง ถ้าหากคุณอยากสบาย ก็ทำตามเค้า แต่ถ้าคุณมีความคิดอย่างนั้น ก็แสดงว่า คุรมีแนวโน้มเดป้นคนขี้เกียจขึ้นมาแล้วล่ะ
ศาสตราจารย์ Arnold Ludwig เคยทำการวิเคราะห์คนมามากกว่า 1,000 คน ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตขั้นสูงสุด ได้ข้อสรุปที่น่าสนใจมาอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ นอกเหนือจากการมีพรสววรค์แล้ว ตามหลักการธรรมชาติ บางสิ่งบางอย่างนั้น ไม่สามารถเร่งรีบได้ และต้องการการใช้เวลา แน่นอนว่า มันอาจจะฟังดูขัดแย้ง กับยุคสมัยที่อะไรก้ต้องฉับไวไปหมดในตอนนี้ แต่นั่นคือ เรื่องจริง ขนาด Einstein เอง ก็ยังเคยบอกว่า ก็นั่งเฉยๆ แบบ คนขี้เกียจ มันอาจจะดูน่าเบื่อ แต่มันเป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยม สำหรับการพัฒนาจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ของคุณ ดังนั้น คนขี้เกียจที่คุณเห็น จริงๆ แล้ว พวกเค้าก็มีมุมดีๆ ซ่อนอยู่เช่นกัน เพียงแต่ว่า โอกาสที่เค้าจะลงมือทำนั้น มันยากกว่าคนทั่วไปเท่านั้นเอง