อาการป่วยเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะการเป็นไข้หวัดนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายที่สุด และด้วยปัจจัยเพียงเล็กน้อย อย่างเช่น โดนฝน หรือ อากาศเปลี่ยนแปลงก็เป็นชนวนทำให้อาการหวัดเกิดมาได้แล้ว แต่สำหรับไข้หวัด ที่ถึงแม้จะเป็นง่าย แต่ก็หายง่ายเช่นเดียวกัน และในบางครั้งเราอาจจะไม่ต้องกินยารักษาด้วยซ้ำไป บางคนก็ใช้วิธีการ กินวิตามินซี, ดื่มน้ำมากๆ และที่หลายคนเชื่อ และทำกันก็คือ ลุกขึ้นออกกำลังกาย แต่การออกกำลังกายนั้น ควรทำในช่วยที่คุณป่วยจริงๆ หรือ เพราะในอีกมุมมองนึง มันก็ดูขัดแย้งกับสิ่งที่หมอ และหลายคนบอกว่า เวลาป่วย คุณต้องพักผ่อนให้มากที่สุด ดังนั้น วันนี้เราจะมาดูกันว่า ควรหรือไม่ที่เราจะลุกขึ้นมาออกกำลังกายในขณะที่กำลังป่วยอยู่
ในความเป็นจริงแล้ว สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ โดยเฉพาะสำหรับคนที่กำลังเข้าโปรแกรมการฟิตหุ่น หรือเล่นกล้ามอยู่เป็นประจำ แต่ยกเว้นว่า ร่างกายคุณในตอนนั้น มีไข้สูงกว่า 37.5 C รวมไปถึง ถ้าหากคุณป่วยมีอาการวิงเวียน หรือมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเสชศาสตร์การกีฬา Lewis G. Maharam ได้กล่าวไว้ว่า การที่คุณฝืนออกกำลังในขณะที่ร่างกายคุณมีอุณภูมิสูงกว่า 37.5 C จะทำให้คุณเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย อึดอัด ไม่สบายตัว และตึงเครียดมายิ่งขึ้นได้ ซึ่งนั่นจะทำให้คุณไม่มีความสุขอย่างแน่นอน
แต่สำหรับอาการป่วยเพียงเล็กน้อย อย่างเช่น อาการปวดหัว, ปวดท้อง และ คัดจมูก หลายคนเริ่มตั้งคำถามทันทีว่า วันนี้เราควรออกกำลังกายหรือไม่ คำตอบก็คือ คุณสามารถทำมันได้ มันไม่ได้ลดประสิทธิภาพในการยกน้ำหนัก หรือสร้างความเสียหายให้กับร่างกายมากขึ้น ถ้าหากคุณไม่ได้มีไข้สูงเกินกว่า 37.5 C อย่างที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ นอกจากนั้น การออกกำลังกายในขณะที่มีอาการป่วยเล็กน้อย ยังช่วยให้ร่างกายหลั่งสาร เอนโดรฟิน และเทสโทสเทอโลนออกมา ซึ่งช่วยให้อาการป่วยของคุณหายได้เร็วไวยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการเช็คความพร้อมสำหรับร่างกายในการออกกำลัง ที่เรียกว่า “Neck Check” ที่จะช่วยบอกคุณว่า วันนี้คุณพร้อมออกกำลังกายหรือไม่อีกด้วย วิธีการก็คือ ถ้าอาการป่วยของคุณอยู่เหนือลำคอของคุณขึ้นไป เช่น ปวดหัว, มีน้ำมูก หรือเจ็บคอ นั่นถือว่า คุณสามารถออกกำลังกายได้ เพียงแต่อย่าให้มันหนักจนเกินไป แต่ถ้าหากว่า คุณป่วยเป็นไข้ และเริ่มมีอาการหนาวสั่น ปวดเมื่อตาม แขน, ขา, หลัง และส่วนต่างๆ ที่อยู่บริเวณต่ำกว่าคอ รวมไปถึงการป่วยในอวัยวะภายใน อย่างเช่น กระเพาะอาหาร, ลำไส้ หรือปอดอะไรพวกนี้ การออกกำลังกายอาจจะทำให้คุณ อาการคุณแย่ลงไปกว่าเดิม ดังนั้น ควรที่จะหลีกเลี่ยงมันไปจะดีกว่า
โปรแกรมการออกกำลังกาย ก็เป็นอีกสิ่งนึงที่คุณควรจะออกแบบมันให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายด้วยเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากคุณรู้ตัวว่า กำลังป่วย คุณอาจจะลดความเข้มข้นลงสักเล็กน้อย ให้อยู่ในปริมาณที่ยังคงสามารถเรียกเหงื่อได้ และยังสามารถรักษารูปแบบการออกกำลังกายที่เข้มข้นสุดๆ ที่คุณเคยทำมาก่อนหน้านี้ หรือถ้าหากคุณรู้สึกไม่สบายใจที่จะยกเวท ให้คุณหันออกกำลังกายบนลู่วิ่งแทน ก็ได้เช่นเดียวกัน โดยให้คุณวิ่งที่ความปานกลาง แต่อาจจะเพิ่มความเข้มข้นจากการปรับความลาดชันของลู่วิ่งเพิ่มแทน มันก็จะช่วยเรียกเหงื่อ และรักษาพละกำลังของคุณไว้ไม่ให้ตกลง ดีกว่าขาดการออกกำลังกายไปต่อเนื่อง 2-3 วัน ซึ่งรับรองว่า ถ้าคุณขาดการออกกำลังกายไปติดต่อกับแบบนี้ กลับมาอีกที คุณอาจจะเรี่ยวแรงตก และไม่สามารถบริหารร่างกายได้อย่างเข้มข้นตามปกติอย่างแน่นอน
สิ่งสุดท้ายที่จะลืมคิดถึงไปไม่ได้ ถ้าหากคุณต้องการจะออกกำลังในช่วงที่กำลังป่วย ก็คือ ปริมาณน้ำ โดยปกติแล้ว เมื่อคนเรามีอาการป่วย ร่างกายจะมีอาการขาดน้ำ และต้องการน้ำเข้าไปเพิ่มมากขึ้นเป็นปกติอยู่แล้ว ดังนั้น การออกกำลังกาย ซึ่งแน่นอนว่า เราต้องเสียเหงื่อออกไปเป็นจำนวนมาก อาจจะทำให้ร่างกายขาดน้ำมากยิ่งขึ้นไปอีก ทำให้อาการป่วยอาจทรุดหนักขึ้นได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น คุณต้องดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ เพื่อทดแทนปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการ และสูญเสียไปจากการออกกำลังกายให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ การออกกำลังกายในขณะที่คุณป่วย ก็สามารถทำได้ อีกทั้งยังช่วยให้หายป่วยได้เร็ว และไม่มีผลเสียต่อร่างกายอย่างแน่นอน
สรุปแล้วก็คือ คุณสามารถออกกำลังกายได้ แม้ว่าคุณกำลังป่วยอยู่ แต่ก็ต้องเรียนรู้วิธี และการเช็คสุขภาพให้ถูกต้องด้วย เพราะบางครั้ง ความเชื่อที่ว่า ออกกำลังกายในขณะที่ป่วย จะช่วยให้หายได้ แต่ทำผิดวิธี แทนที่อาการป่วยจะดีขึ้น กลับแย่ลงไปมากกว่าเดินซะอีก ดังนั้น เราจึงอยากให้ทุกคน ใส่ใจสุขภาพร่างกาย มากกว่าที่จะไปห่วงโปรแกรมการออกกำลังกายที่วางไว้อย่างเคร่งคัด โดยเฉพาะคนที่ตั้งใจเพาะกล้ามเพาะกาย ดังนั้น หากใครกำลังสงสัยว่า การออกกำลังกายตอนป่วยนั้น ดี หรือ ไม่ สมควรทำรึเปล่า วันนี้เราก็มีคำตอบมาให้ทุกคนได้อ่านกันแล้วนะครับ