“ความเครียด” เป็นของที่อยู่คู่กับมนุษย์วัยทำงานทุกคน โดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้า หรือเจ้าของธุรกิจที่มีตำแหน่งใหญ่โต ซึ่งหลายๆ คนอาจจะคิดว่า คนเหล่านั้นคงจะมีความเครียดที่น้อยกว่า ไม่เหมือนกับพนักงานทั่วๆ ไป เพราะพวกเค้าน่าจะมีรายได้ท่ีเยอะกว่า จับจ่ายใช้สอยได้คล่องตัว และมีความสุขจากตรงนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนที่เราเห็นว่าเค้าประสบความเร็จส่วนใหญ่แล้ว ต้องแบกรับความกดดัน และความเครียดอันแสนทรมานเอาไว้อย่างที่เราคาดไม่ถึงเลยทีเดียว วันนี้เราจึงมี 6 วิธีที่รับมือกับความเครียดระดับ Hardcore ของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต รวมถึงวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์มาแล้วว่า นำไปใช้งานได้จริง มาให้คนที่คิดว่าตัวเองอยู่ในช่วงเวลาที่เครียดสุดๆ ในชีวิตการทำงาน ได้ลองนำไปใช้กัน
1. Have self-compassion.
บางครั้งการเห็นอกเเห็นใจตัวเอง โดยการลดหย่อนความสมบูรณ์แบบลงสักนิด ไม่ตำหนิตัวเองในสิ่งที่ผิดพลาด แต่มองให้มันเป็นประสบการณ์ และทำความเข้าใจ เพื่อเรียนรู้กับมันแทนน่าจะดีกว่า มีการศึกษาออกมาว่า การเห็นอกเห็นใจตัวเอง สามารถทำให้มีความสุขมากขึ้น มีความกังวล และหดหู่ลดน้อยลง ที่สำคัญมันสามารถช่วยให้คุณกลายเป็นคนที่มีความเป็นไปได้ทื่จะจะประสบความสำเร็จในอนาคตมากขึ้นอีกด้วย
2. Rely on routines.
ถ้าถามถึงเหตุผล และที่มาของความเครียดในการทำงาน เราเชื่อว่าคำตอบคงมีอยู่ไม่กี่อย่าง เช่น ความเครียดจากกำหนด Deadline ที่ใกล้เข้ามา, ความเครียดจากงานหนัก Heavy Workload, ความเครียดจากการทำงานที่มีการแข่งขันสูง และสุดท้าย แรงกดดันจากเจ้านายสายโหดประจำออฟฟิศ แต่จะมีน้อยคนนักที่รู้ว่า จริงๆ แล้ว ความเครียดทั้งหมด เกิดขึ้นจากการที่จะต้องใช้การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ เป็นประเด็นสำคัญ ไม่ใช่ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมาในตอนแรก การแก้ปัญหาที่ถูกต้องก็ คือ ลดจำนวนเรื่องที่ทำให้คุณต้องใช้การตัดสินใจให้ได้มากที่สุด ทำกิจวัตรประจำวันให้เรียบง่าย ยกตัวอย่างเช่น Mark Zuckerberg, Steve Jobs และอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอย่าง Barack Obama ที่เคยบอกว่า เค้าแต่งตัวเหมือนเดิมทุกวันก็เพราะ ต้องการจะลดเรื่องที่จะต้องคิด และตัดสินใจในสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อลดความเครียด และมีเวลาไปโฟกัสกับสิ่งอื่นๆ ที่มีความสำคัญมากกว่า
3. Take 5 or 10 minutes to do something you find interesting.
ถ้าหากงานที่ทำมันเครียดนัก ลองพักสัก 5-10 นาที เพื่อหันไปทำในสิ่งที่ชอบดูบ้าง การทำแบบนี้นอกจากจะช่วยลดระดับความเครียดที่กำลังเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการใช้เวลาจดจ่อกับการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดนานๆ นอกจากนี้ ผลการวิจัยยังบอกอีกว่า การที่เราได้พัก ทำในสิ่งที่ชอบช่วงเวลานึง หลังจากที่ได้รับความเครียดหนักๆ มา จะช่วยฟื้นฟูพลังงาน ทำให้ร่างกายสดชื่น พร้อมที่จะกลับไปทำงานต่อได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่าเดิมอีกด้วย
4. Add where and when to your to-do list.
ความเครียดบางครั้งเกิดมา โดยที่คุณอาจจะไม่ทันสังเกตถึงสาเหตุที่แท้จริง และนั่นอาจจะเป็นเพราะ การที่คุณละเลย หรือลืมอะไรบางอย่างที่สำคัญไป จนกลายเป็นปัญหา ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของความเครียด โดยเฉพาะในการทำงาน การจดสิ่งที่ต้องทำ เช่น กำหนดส่งงาน สถานที่ที่ต้องไปทำงาน เวลาทำงาน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรจะพลาดเป็นอย่างยิ่ง เพราะนี่แหละคือ สาเหตุที่แท้จริงของความเครียดที่เกิดขึ้นได้ เช่น ทำงานส่งไม่ทัน ไปทำงานไม่ทัน ลืม Deadline และอีกหลายๆ สถานการณ์ที่เกิดจากความผิดพลาดในการจดจำ
5. Use if-thens for positive self-talk.
การศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่า การสมมุติ และคุยกับตัวเองในเชิงบวก สามารถควมคุมความเครียด และลดความกดดันจากงานที่ถาโถมเข้ามาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าให้คุณหายใจลึกๆ และบอกกับตัวเอง ว่า “ถ้าฉันเห็นจำนวน Email งานเข้ามา ไม่ว่าจะเยอะแค่ไหน ฉันก็ทำได้ อีกทั้งยังอยู่ในความสงบ และผ่อนคลายสุดๆ” หรือจะเป็น “ถ้าอีกชั่วโมงนึงจะถึง Deadline กำหนดส่งงาน ฉันจะทำมันได้ทัน และจะไม่มีความกังวลใดๆ มากดดันฉันได้” ฟังดูแล้วมันอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องไรสาระ แต่นี่แหละคือสิ่งที่วิทยาศาสตร์ยืนยันแล้วว่า มันช่วยลดความเครียดลงได้จริงๆ
6. See your work in terms of progress, not perfection
ถ้าคุณมี Mind Set ที่ดีในการทำงาน ให้คุณมั่นใจในตัวเองไว้ว่า อย่างน้อยๆ คุณก็มีแนวทางที่ดี และตั้งใจในการทำงานให้ออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุดอยู่แล้ว ถึงแม้วมันอาจจะไม่ได้รวดเร็ว และเพอเฟ็ค 100% ก็ตามที เพราะสิ่งที่สำคัญ ซึ่งก่อทำให้เกิดความเครียดขึ้นมาได้ง่ายๆ ก็คือ เมื่อคุณเริ่มมีความไม่พอใจในงาน หรือผลงานของคุณ และมีการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นแล้วล่ะก็ รับรองได้ว่าความเครียดจะเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ โดยที่บางทีคุณอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป เพราะการกระทำเหล่านั้น จะเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณรู้สึก วิตกกังวล สงสัยในความสามารถของตัวเองทั้งๆ ที่ไม่มันไม่ควรจะเก็บไปคิดเล็กคิดน้อย จนก่อให้เกิดความเครียดสะสมระยะยาวขึ้นมา นอกจากนี้มันยังอาจจะทำให้คุณกลายเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจ อันเป็นที่มาของความล้มเหลว ประสบความสำเร็จได้ยากมากในอนาคตอีกด้วย
6 วิธี ที่ว่านี้คือ การกำจัดปัญหาความเครียดที่เรียกได้ว่าตั้งแต่ต้นเหตุ ยันปลายเหตุเลยก็ว่าได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณรู้สึกว่าความเครียดเข้ามาในตอนไหน ก็ให้คุณเลือกนำวิธีเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กันดู รับรองได้ว่า มันจะต้องเห็นผลไม่มากก้น้อยอย่างแน่นอน หากใครที่เครียดมาก ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่หาย ลองหันไปพักผ่อนให้เต็มที่ ไปออกกำลัง เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ เพื่อเพิ่มพลังกาย และพลังใจดู ก็เป็นอีกทางเลือกนึงที่สามารถช่วยได้ดีเช่นกัน