สำหรับคนบางคนแล้ว การที่จะทำเวลาในแต่ละวันให้มีคุณค่าที่สุดนั้นคือ การที่ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้มีประสิทธิผล หรือในอังกฤษจะใช้คำว่า “Productivity” ในทุกๆ วัน มีหลายคนที่วางแผนชีวิตเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ และต้องการผลลัพธ์ที่ดี จนถึงกับค้นหาวิธีการ และคำแนะนำว่า ทำอย่างไรถึงจะสามารถเพิ่ม Productivity เพื่อทำงานให้ได้ผลลัพธ์มากกว่าเดิม ตามข้อมุลที่ได้หาตามโลกออนไลน์ คำแนะนำถือว่ามากมายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Gadget, Application หรือ แม้กระทั่งปรับปรุงนิสัยส่วนตัว แต่ในทางกลับกัน ผู้คนจำนวนมากที่ไม่เจอกับผลลัพธ์ในการทำงานที่ดี ก็เกิดจากการรบกวนของ Gadget, Application และนิสัยบางอย่างด้วยเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นวันนี้เราจึงนำเอา 6 วิธี ที่รับรองว่าจะทำให้คุณบรรลุเป้าหมายในการทำงานได้จริง และมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมด้วยวิธีที่ผิด
1. สร้าง List สิ่งที่ต้องทำ ผ่าน Application ที่มีการแจ้งเตือนชัดเจน
การใช้ Application ต่างๆ เข้ามาช่วยในการทำงานนั้น ต้องเป็น Application ที่ไม่ดึงดูดสมาธิออกจากงานที่คุณกำลังทำ อย่างเช่น Application ที่ใช้ในการสนทนา หรือโพส Social Status ต่างๆ อย่างแน่นอน แต่ Application อย่างที่ใช้สำหรับการจดบันทึกที่มีการแจ้งเตือนนั้น ถือเป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมอย่างที่คุณคาดไม่ถึงเลยทีเดียว เพราะมันทำให้คุณสามารถสร้าง To-Do List ขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย และไม่ซับซ้อน รวมทั้งคุณยังสามารถตั้งการแจ้งเตือนสิ่งที่คุณต้องทำต่างๆ ให้เป็นไปตามเวลาอีกด้วย เพราะฉะนั้น มันจึงช่วยเป็นตัวบริหารเวลาให้คุณได้ด้วยเช่นกัน
2.อย่าคิดว่าตัวเองกำลังเหนื่อยล้ามากเกินจะทนไหว
คอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า “ทำงานทุกอย่างให้ตรงตาม Schedule” ฟังดูแล้วมันอาจจะดูง่าย แต่ให้ทำดูจริงๆ นั้น บอกได้เลยว่ายากไม่ใช่เล่นเลย คุณต้องเลิกบ่น และนึกถึงความเหนื่อยล้า เมื่อถึงเวลางาน รวมไปถึงคิดว่าตั้งสติคิดไว้เสมอว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงแผนการทำงานของคุณ ถึงแม้จะถูกล่อด้วยหนังใหม่ที่เพิ่งเข้าโรง หรือการดื่มกับเพื่อนๆ คุณต้องอย่าคิดว่าคุณกำลังเหนื่อยอย่างนัก และต้องการการพังผ่อน หรือความบันเทิงแบบชั่วคราวที่จะทำให้คุณวอกแวก
3. สร้างชั่วโมงเร่งด่วนในการปั่นงานขึ้นมา เพื่อแข่งขันกับตัวเอง
หลายคนใช้วิธีการ “Hourly Challenges” เพื่อเป็นการกระตุ้นตัวเอง ให้ทำงานเสร็จได้อย่างรวดเร็ว วิธีการก็คือ ให้คุณตั้งเวลาเอาไว้ ยกตัวอย่างเช่น ตอนบ่าย 2-4 ชั่วโมง 2 ชั่วโมงนี้จะเป็นเวลาที่คุณทุ่มเทสมาธิ และทุกสิ่งทุกอย่างไปที่งานที่กำลังทำอยู่ตรงหน้าเพียงอย่างเดียว และต้องพยายามทำมันให้ได้ภายในเวลาที่ถูกกำหนดเอาไว้ด้วยตัวคุณเอง เป็นเหมือนการท้าทายความสามารถตัวเอง วิธีการนี้คุณสามารถทำได้ หลายๆ ครั้งต่อวัน และคุณก็สามารถเลือกเวลาพักผ่อนเล็กน้อยให้กับตัวคุณเองได้เช่นกัน ถือว่าเป็นวิธีที่ดีอีกวิธีหนึ่ง
4. หยุดพักสักนิด ถ้าหากเจอทางตันจริงๆ
จะว่าไปแล้ว การทำงานอย่างต่อเนื่องในบางครั้ง ก็ทำให้งานคุณไม่เดินหน้าได้เช่นเดียวกัน ถ้าหากงานที่คุณทำมันถึงทางตันจริงๆ จนไม่สามารถคิดอะไรต่อได้แล้ว ให้คุณลองพักดูสักนิด แล้วค่อยลองดูใหม่ เพราะการที่คุณพยายามทำงานไปโดยที่เจอกับทางตันนั้น จะส่งผลกระทบให้เกิดความเครียด ความเหนื่อยล้า และอารมณ์ที่หงุดหงิดอย่างไม่จำเป็น และสิ่งเหล่านี้เอง ที่เมื่อเกิดแล้ว การทำงานของคุณจะไม่มีทางสำเร็จ หรือออกมาดีได้อย่างแน่นอน
5. ชื่นชมผลงานที่คุณทำสำเร็จในแต่ละวัน
หลายคนอาจจะรู้สกเบื่อหน่ายกับงานที่ทำไปในแต่ละวัน เพราะนั้่นเกิดขึ้นจากการที่คุณทำงานเสร็จแล้ว คุณก็ไม่เคยสนใจถึงสิ่งที่ทำลงไป หรือเรียกได้ว่า ทำไปให้เสร็จๆ ในแต่ละวัน แต่ถ้าหากคุณได้เห็นผลงานของตัวเองที่ถูกทำออกมาด้วยมือของคุณ กำลังไปได้ดี หรือมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน องค์กรหรือคนอื่นๆ ได้ คุณก็จะรับรู้สึกถึงความสำเร็จในทุกๆ วัน ซึ่งทำให้คุณมีแรงผลักดันที่จะทำงานดีๆ ออกมาใหม่ ในวันต่อไปทุกๆ วัน
6. ทำงานเป็นกลุ่ม
สุดท้าย ถ้าหากวิธีการที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่สามารถช่วยให้คุณผลิตผลงานที่ดีมีคุณภาพออกมาได้ การทำงานเป็นกลุ่ม อาจจะเป็นอีกทางหนึ่งที่สามารถช่วยคุณได้เป็นอย่างดี เพราะการทำงานเป็นกลุ่มนั้น คุณจะมีคนที่ช่วยคุณอยู่รายล้อม อีกทั้งการทำงานเป็นกลุ่มนั้น จะมีแรงกดดันบางอย่าง ที่ทำให้คุณไม่สามารถทำงานแบบอืดๆ ชิลๆ ทำไปพักไป ขาดความกระตือรือร้นได้ เพราะกลัวจะถูกมองว่าเป็นตัวถ่วง เพราะฉะนั้น การทำงานกลุ่มก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้คนที่ไม่ค่อยจะมีผลงานเป็นชิ้นเป็นเนื่องจากนิสัยส่วนตัวที่เป็นค่อนข้างเฉื่อย ได้กระตุ้นตัวเองเป็นอย่างดี
และนี่ก็เป็น 6 วิธีการที่จะทำให้เราเพิ่ม Productivity ให้กับตัวเองได้อย่างเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะมีวิธีการอยู่ใน Internet มากมาย แต่ปัจจัยสำคัญที่สุดนั้น คงอยู่ที่ตัวคุณเองเป็นหลัก เพราะถ้าคุณมีความคิด และมีความต้องการทำงานออกมาให้เห็นผลอย่างตั้งใจแล้ว นั่นก็ถือว่าคุณเข้าใกล้กับคำว่า Productive ไปก้าวนึงแล้ว